สิ้นบุญ "โกฮง" พงษ์ ถาวรวิวัฒน์บุตร เทรนเนอร์คู่บารมี "เขาทราย"


“โกฮง”พงษ์ ถาวรวิวัฒน์บุตร เทรนเนอร์คู่บารมี เขาทราย แกแล็คซี่ อดีตแชมเปี้ยนโลกขวัญใจชาวไทย สิ้นลมแล้ว ..

เมื่อวันที่ 25 ก.ค.59 รายงานข่าวแจ้งว่า นายพงษ์ ถาวรวิวัฒน์บุตร หรือ “โกฮง” เสียชีวิตอย่างสงบที่พัก แฟลต อาคารพึ่งบุญ รามอินทรา 79 ท่ามกลางภรรยาและญาติ หลังจากป่วยด้วยโรคชรา และมีโรคความดัน เบาหวาน หลายโรครุมเร้ามานานหลายปี ซึ่งเจ้าตัวไม่สามารถช่วยตัวเองได้มานานหลายเดือน ต้องนอนอยู่บนที่นอน กระทั่งสิ้มลมไปอย่างสงบ เมื่อช่วงเวลาประมาณ 18.00 น. วันจันทร์ที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา

ญาติจะนำร่างไปทำพิธี ที่วัดพระยาสุเรนทร์ เขตคลองสามวา กทม. ทำพิธีรดน้ำศพ 16.00 น. วันอังคารที่ 26 ก.ค. สวดพระอภิธรรม เวลา 19.00 น. ก่อนฌาปนกิจ วันอาทิตย์ที่ 31 ก.ค. เวลา 16.00 น.

โกฮง คือเทรนเนอร์คู่บารมี เขาทราย แกแล็คซี่ อดีตแชมป์จูเนียร์แบนตั้มเวต สมาคมมวยโลก (WBA) และเด่นเก้าแสน กระทิงแดงยิม อดีตแชมป์โลก รุ่นฟลายเวต WBA เคยสร้างสรรค์นักมวยไทยอีกมากมาย ภายใต้การร่วมมือกับ “แชแม้” นิวัฒน์ เหล่าสุวรรณวัฒน์ โปรโมเตอร์คนดังแห่งศึกพลังหนุ่ม และ แกแล็คซี่ โปรโมชั่น

พงษ์ เกิดเมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2484 อายุ 75 ปี เป็นบุตรนายเต็ง และนางตี่ ซึ่งอพยพมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน ตัวโกฮงเป็นคนสุดท้อง และเป็นชายทั้งหมด

พื้นเพเป็นชาวอุทัยธานี ติดตามพี่ชาย “ศักดิ์ณรงค์ ลูกสุรินทร์” มาอยู่ค่ายเมืองสุรินทร์ แต่เนื่องด้วยร่างกายใหญ่โตจึงไม่ได้ชกมวย ทว่าก็ยังคลุกคลีอยู่ในค่าย ยุคที่ ครูมนู สมพันธ์ เป็นเจ้าของ และได้ศึกษาวิธีการเทรนเนอร์เก็บเกียวประสบการณ์จากครูมนูจนหมดสิ้น จนอายุ 25 จึงย้ายไปเป็นเทรนเนอร์เต็มตัวที่ค่าย”สิทธิบุญเลิศ” ก่อนจะย้ายมาตั้งค่ายตัวเองชื่อ “ศักดิ์ณรงค์” สร้าง เนตรศักดิ์ณรงค์ และ ณรงค์น้อย ศักดิ์ณรงค์ เป็นยอดมวยไทยชื่อดังคู่บารมี กระทั่งเลิกรา และยุบค่ายไปในที่สุด

จนปี พ.ศ.2528 ได้รับการติดต่อจาก “แชแม้”นิวัฒน์ เหล่าสุวรรณวัฒน์ ให้มาเป็นเทรนเนอร์ เขาทราย รับช่วงต่อจาก “ครูเฒ่า ชนะทรัพย์แก้ว” สร้างสรรค์ขัดเกลาวิชามวยจนเขาทราย กลายเป็นแชมเปี้ยนโลกขวัญใจชาวไทยตลอดกาล และเป็นแชมป์โลกระดับตำนาน ถือเป็นคู่หู คู่บารมีของกันและกัน

ช่วงบั้นปลายเคยได้รับการดึงตัวจาก นริส สิงหวังชา ให้เข้ามาช่วยเทรนเนอร์ เด่นเก้าแสน กระทิงแดงยิม จนกลายเป็นแชมป์โลกอยู่ระยะหนึ่งก่อนโกฮงจะเลิกราไปเนื่องจากสภาพร่างกายไม่อำนวย ป่วยด้วยโรคเบาหวาน ความดัน ก่อนจะเสียชีวิตอย่างสงบในที่สุดด้วยวัย 75 ปี

ยาหอมหวานที่หอมนานนับร้อยปี


เพียงเดินเข้าไปในซอยเทศา ย่านเสาชิงช้า ก็ได้กลิ่นเครื่องยาสดชื่น และได้ยินเสียงเพลงย้อนยุคลอยมาจากบ้านสไตล์โคโลเนียลแบบตะวันตก ป้ายเขียนด้วยตัวอักษรไทยว่า บำรุงชาติสาสนายาไทย

ที่นี่ คื อสถานที่ผลิตและจำหน่ายยาแผนโบราณ ‘ตราหมอหวาน’ ที่ก่อตั้งโดยหมอหวาน รอดม่วง แพทย์โบราณที่มีชื่อเสียงในรัชกาลที่ 6 ผู้ตั้งใจสืบสานภูมิปัญญาและรับการแพทย์ตะวันตก มาปรับใช้
พัฒนารูปแบบยาไทยที่เดิมใช้ แต่การต้มมาเป็นยาหอมแบบเม็ดคล้ายตะวันตก 

บรรยากาศไม่เหมือนร้านขายยาทั่วไป มีขวดยาตกแต่งเรียงรายบนตู้รอบร้าน เหมือนพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมที่จัดแสดงความเป็นมาของยาหอมไทย 

ได้ชมที่มาของวัตถุดิบต่างๆ ที่ชวนอึ้งไม่น้อย เช่น เห็ดจากนมเสือโคร่งแม่ลูกอ่อน อำพันทองจากอสุจิปลาวาฬ ชมอุปกรณ์เครื่องมือแบบโบราณ และขั้นตอนการหุ้มเม็ดยาด้วยทอง ที่จริงแค่ได้เห็นความสวยงามของบ้านก็เกินคุ้ม ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

Mowaan.com

มัสยิดขนาดใหญ่ที่เหมือนดอกไม้บาน


สถาปัตยกรรมแสนสวยหน้าตาเหมือนดอกไม้ที่ซ่อนอยู่กลางเมืองใหญ่ ในซอยรามคำแหง 2 ใกล้สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ รามคำแหง คือ มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย ถูกสร้างตั้งแต่ปี 2527 เพื่อเป็นศาสนสถานของชาวมุสลิม ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ แทนที่จะเป็นซุ้มโค้งโดมแบบที่เราเห็นตามมัสยิดทั่วไป กลับออกแบบให้เป็นหลังคารูปหกเหลี่ยมหรือรังผึ้ง มีเสาตรงกลาง
มองจากด้านข้างจึงสวยงามราวกับดอกไม้บานรับแสง ความโค้งของเพดานที่สูงโปร่งทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องปรับอากาศ เหมาะแก่การสงบจิตใจของชาวมุสลิมรวมถึงผู้มีจิตศรัทธาต่างศาสนา 

ประธานมูลนิธิฯ กระซิบบอกเราว่า ความสวยหวานของสถานที่แห่งนี้ ยังทำให้ถูกจองคิวจัดงานแต่งเกือบทุกสัปดาห์เลยนะ

Thaiislamicenter.com

ห้องเรียนธรรมชาติไร้ชีวิตที่ยังมีชีวา


ตึกชีววิทยา 1 หรือตึกขาว เป็นอาคารเก่าของคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขึ้นไปชั้น 2 ภายในห้อง 203 หลังประตูไม้บานใหญ่คือ พิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยา ซึ่งเป็นที่จัดแสดงสัตว์สตัฟฟ์ไม่กี่แห่งในประเทศไทย รวบรวมจากของสะสมของอาจารย์ในคณะหลายท่าน ไม่ว่าจะเป็นสัตว์บก สัตว์น้ำ สัตว์ทะเล หรือสัตว์ปีก ก็มีสตัฟฟ์ไว้ให้ศึกษาอย่างหลากหลาย รวมถึงสัตว์สงวนหาดูยาก

สัตว์สูญพันธุ์ ที่เราไม่มีโอกาสได้เห็นอีก ที่ภาคชีววิทยานี้ ยังมีพิพิธภัณฑ์เต่าและตะพาบ พิพิธภัณฑ์หอยทาก และพิพิธภัณฑ์ผีเสื้อสตัฟฟ์ หลายสายพันธุ์ที่ยังคงความสวยงามของปีกเอาไว้อย่างสมบูรณ์ 

เข้ามาเรียนรู้ธรรมชาติกันฟรีๆ ได้ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็น คนชอบชีววิทยาควรหาเวลาเข้ามาให้ได้

ห้องสมุดเด็กสุดน่ารักในบ้านเก่าสไตล์โคโลเนียล


บ้านไม้เก่า 2 ชั้น กลางซอยวัดม่วงแค หรือซอยเจริญกรุง 34 เป็นที่ตั้งของห้องสมุดเด็กปฐมวัยแห่งแรกของกรุงเทพมหานครชื่อ ห้องสมุดเด็กดรุณบรรณาลัย 

คุณสุธาทิพ ธัชยพงษ์ ผู้อำนวยการห้องสมุด ผู้ใจดีเล่าว่า ในสมัยรัชกาลที่ 6 บ้านหลังนี้เป็นของข้าราชการท่านหนึ่ง ซึ่งภายหลังได้กลายมาเป็นสำนักงานของหน่วยงานราชการ และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กราชานุกูล (วัดม่วงแค) แล้วปรับปรุงใหม่ให้กลายมาเป็นห้องสมุดหนังสือภาพ สำหรับเด็กปฐมวัยของมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก ออกแบบโดยสถาปนิกหนุ่มสาวจาก Plan Architect พวกเขาเริ่มต้นศึกษาตัวอย่างห้องสมุดเด็กในต่างประเทศ แล้วสร้างสรรค์ห้องสมุดแห่งนี้ด้วยแนวคิด ‘บ้านต้นไม้’ ซึ่งให้บรรยากาศอบอุ่น น่ารัก ปลอดโปร่ง และทำให้เด็กได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากที่สุด 

จุดที่น่าสนใจที่สุดของที่นี่คือ ‘บันไดสายรุ้ง’ ซึ่งเชื่อมห้องสมุดไปสู่สนามหญ้าเทียมด้านนอกบ้าน แล้วยังมีเนินหลังคาเตี้ยๆ เหนือร้านกาแฟ ให้เด็กได้นั่งอ่านหนังสือเล่นด้วย
ห้องสมุดแห่งนี้เปิดใช้บริการเมื่อต้นปี 2559 เปิดทุกวันพุธถึงอาทิตย์ ที่นี่เหมาะกับครอบครัวที่อยากชวนเด็กๆ มาทำกิจกรรมดีๆ ร่วมกันในวันหยุด แต่ถ้าใครยังไม่มีลูกหลาน แค่มาเดินดูตึกเก่าสวยๆ และรายละเอียดของการออกแบบ ที่ตั้งใจคิดมาเพื่อเด็กแทบจะทุกจุดก็สนุกแล้ว

ขนมจีนราดวัฒนธรรมไทย-โปรตุเกส


ขนมจีนแกงไก่คั่ว คือ หนึ่งในอาหารหลักดั้งเดิม ที่ใช้ในเทศกาลและงานมงคลของชาวกุฎีจีน 

ปัจจุบัน เหลือร้านที่ยังทำได้เพียง 3 เจ้าเท่านั้น หนึ่งในนั้นคือ เฮโลนมสด ร้านอาหารบรรยากาศอบอุ่นริมแม่น้ำเจ้าพระยาหน้าโบสถ์ซางตาครู้ส
 
ร้านนี้อยู่ในบ้านไม้ของครอบครัว ที่สืบทอดวัฒนธรรมของตระกูล จากทวดที่เป็นคนโปรตุเกสและคนจีน
สูตรขนมจีน ซึ่งเป็นมรดกสืบทอดกันมาคือ ขนมจีนเส้นสดเหนียวนุ่ม ราดด้วยเนื้อไก่ ตับ กึ๋น ในน้ำยารสละมุนลิ้น คลุกเคล้ากับพริกเหลือง อร่อยจนรู้สึกว่าคุ้มค่ากับการเดินมาจนเหงื่อซึม

พระตำหนักน้อยแสนรื่นรมย์ของรัชกาลที่ 6


ไม่ค่อยมีใครรู้ว่า ด้านหลังพระราชวังพญาไท ที่ตั้งตระหง่าน สวยงาม และหรูหรา มีพระตำหนักหลังน้อยแอบอยู่ริมสระน้ำ

พระตำหนักเมขลารูจี เป็นพระตำหนักรูปทรงคลาสสิก คล้ายบ้านกระท่อมในยุโรป ตัวเรือนเป็นไม้สักทาสีฟ้า มุงหลังคาด้วยกระเบื้องดินเผา สร้างขึ้นเป็นที่ประทับชั่วคราวของรัชกาลที่ 6 ระหว่างการก่อสร้างพระราชวังพญาไท ชั้นบนติดกระจกโดยรอบตามพระประสงค์ เพื่อทอดพระเนตรการก่อสร้างพระราชวังด้วยพระองค์เอง
เมื่อพระราชวังพญาไทก่อสร้างเสร็จ จึงเปลี่ยนมาใช้เป็นสถานที่ทรงเครื่องใหญ่ (ตัดผม) พร้อมบรรเลงมโหรี บรรยากาศที่รื่นรมย์ส่งผลให้รัชกาลที่ 6 ทรงประพันธ์บทพระราชนิพนธ์ต่างๆ ที่พระตำหนักแห่งนี้
ปัจจุบัน พระตำหนักได้รับการอนุรักษ์ไว้ให้คนทั่วไปเดินชมได้จากภายนอก

ร้านอาหารไทยสุดชิกที่ซ่อนตัวมานานกว่า 20 ปี


กลางซอยเจริญกรุง 34 มีร้านอาหารไทยร้านหนึ่ง ที่ทางเข้าดูแสนจะธรรมดา แต่ทว่าสังเกตดีๆ จะเห็นความแตกต่างจนต้องร้องว้าวออกมา เพราะแค่เดินเข้าร้าน ก็รู้สึกเหมือนได้เข้ามาอีกโลกหนึ่งเลย

Harmonique ร้านอาหารไทยขวัญใจฝรั่งแห่งนี้ เกิดจากการสร้างสรรค์ของ 3 สาวพี่น้องเชื้อสายจีนที่อาศัยอยู่ห้องแถวแบบจีนโบราณกับครอบครัว พอเพื่อนบ้านเริ่มย้ายออก เลยเซ้งห้องแถวทุกคูหาทั้งด้านในและนอก เปิดเป็นร้านอาหารไทยมานานกว่า 20 ปี โดยเปลี่ยนทางเดินตรงกลางระหว่างบ้าน เป็นพื้นที่วางโต๊ะให้ลูกค้าทานอาหาร แถมมีการตกแต่งแบบแปลกประหลาดอย่างไม่น่าจะเข้ากันได้ ทั้งรูปปั้นและของเก่าสไตล์จีน ไทย และยุโรป ที่ครอบครัวสะสม ถูกนำมาวางตกแต่งทั่วร้านละลานตาไปหมดสิ่งของคนละแนว ถูกจัดวางอย่างลงตัวจนน่าประหลาดใจ มองไปทางไหนก็ดูน่าค้นหา

ทางเข้ามีต้นไทรใหญ่ ที่ม่านรากไทรห้อยลงมาเป็นซุ้มประตู แสงไฟสลัวสีนวลตัดกับผนังปูนเก่าของตัวบ้าน สร้างบรรยากาศให้น่าหลงใหลยิ่งขึ้น
พระเอกของร้าน คือ อาหารไทยหน้าตาแปลก รสชาติอร่อยแบบฉบับชาวกรุงจนต้องลิ้มลอง เช่น เมนูอาหารไทยชุดสุดคูล ที่หาทานได้แค่ที่นี่ และแกงกะหรี่ปูรสชาติกลมกล่อม เนื้อปูเต็มจาน เนื้อแน่นละลายในปาก จนต้องร้องว้าวออกมาอีกรอบเลย