รักในรอยแค้น...ของเพศเดียวกัน


ข้อมูลจากต่างประเทศ ทั้งอเมริกา อังกฤษ และแคนาดา พบว่า กลุ่มคนที่รักเพศเดียวกันมีโอกาสที่จะใช้ความรุนแรงกันมากกว่ากลุ่มคนรักต่างเพศค่อนข้างชัดเจน ปัจจัยของการใช้ความรุนแรงในเพศเดียวกัน มีหลายปัจจัย

ปัจจัยแรกๆ พื้นฐานทางร่างกายและจิตใจของคนที่จะไปก่อความรุนแรง อาจจะมีความผิดปกติทางสมองและจิตใจบางอย่าง ที่ทำให้ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ เช่น เป็นโรคซึมเศร้า อารมณ์แปรปรวน รวมถึงสารเสพติด ที่มักเจอได้บ่อยๆ หรือลักษณะของร่างกาย ที่อาจจะเอื้อให้กระทำการรุนแรงสำเร็จ ไม่ว่าจะต่อตนเองหรือผู้อื่น ซึ่งประเด็นนี้จะแตกต่างกันเพียงเพศมากกว่า คือหากเป็นเพศชายหรือเกย์ ที่รูปร่างกำยำแข็งแรง ก็มีโอกาสที่จะก่อความรุนแรง ทั้งต่อตนเองและผู้อื่นได้สำเร็จได้มากกว่าเพศหญิง

ปัจจัยที่ 2 เป็นเรื่องจิตใจของคนคนนั้นโดยเฉพาะ ซึ่งเรียกว่า บุคลิกภาพ แม้ปัจจุบันเราค่อนข้างเชื่อมากขึ้นว่าก ารชอบเพศเดียวกันไม่ได้เกิดจากการเลี้ยงดูอย่างเดียว แต่เกิดจากความหลากหลาย (variation) ทางโครงสร้างสมองที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่ออารมณ์ ความรู้สึกและรสนิยมของคนคนนั้นว่า จะชอบเพศใดมากกว่า แม้จะเป็นเพศเดียวกับตัวเองด้วยก็ตาม แต่ก็ยังคงพบว่า ในกลุ่มที่รักเพศเดียวกันมีปัจจัยเสริม ที่มักทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ง่าย นั่นคือสภาพครอบครัว การเลี้ยงดูที่มักจะเกี่ยวข้องกับการได้รับการยอมรับจากคนในครอบครัว ที่อาจจะนำมาซึ่งความกดดัน มีผลต่ออารมณ์ ความคิดและความสามารถในการควบคุมตนเองด้วยเช่นกัน

ปัจจัยที่ 3 เรื่องของสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนที่ชอบแบบเดียวกัน น่าจะถือว่าสำคัญที่สุด ที่มีผลต่อทัศนคติในการดำเนินชีวิตคู่ของคนรักเพศเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่านิยมเปลี่ยนคู่บ่อยๆ เพื่อความสนุกสนานทางเพศ หรือแม้แต่ความเชื่อในเรื่องการไขว่คว้าหาความรัก ด้วยหวังว่าจะทำให้พบคนที่ “ใช่” สักวันหนึ่ง และค่านิยมที่ปลูกฝังกันมาว่า คนรักเพศเดียวกันชีวิตไม่ยั่งยืน 

ดังนั้น ต้องเกาะให้ติดอย่างแน่นเหนียว และลึกๆ ก็อยากจะพิสูจน์ให้สังคมรับรู้ว่า ฉันทำได้ คาดหวังว่าอย่าให้มีอะไรมาทำให้ต้องพรากจากกัน จนเป็นที่มาของความหึงหวง เมื่อรวมกับองค์ประกอบ 2 ข้อข้างต้น ก็อาจจะยิ่งทำให้เหตุการณ์ยิ่งบานปลาย จนถึงขั้นจบชีวิตกันไปก็ไม่น้อย


การที่จะดูว่าคู่ที่ทำร้ายกัน มีปัญหาสุขภาพจิตที่รุนแรงหรือไม่ มีวิธีสังเกตไม่ยาก
เริ่มจากดูว่า เมื่อเกิดกรณีพิษรักแรงหึง พอทำร้ายอีกฝ่ายแล้ว ทำร้ายตนเองตามหรือไม่ ส่วนใหญ่ถ้าทำร้ายตนเองด้วย น่าจะเข้าข่าย ส่วนพวกที่ทำร้ายคนอื่นแล้วหนีไป น้อยรายที่จะป่วยทางจิตเวช ส่วนใหญ่ก็ไม่ถือว่าเป็นคู่รักกัน เพราะคนรักกันคงไม่ทำได้ขนาดนี้ มักเป็นพวกนิสัยไม่ดีและมักอยู่ด้วยกันด้วยผลประโยชน์เสียมากกว่า

สังคมควรหันกลับมาเข้าใจเรื่องรักของเพศเดียวกันให้มากขึ้น ซึ่งความจริงก็ไม่ได้แตกต่างจากชายจริงหญิงแท้สักเท่าไร อย่างน้อยพวกเขาก็มีความรักให้กัน และรอการยอมรับจากคนรอบข้างอยู่ตลอดเวลา

ส่วนคู่รักเพศเดียวกันทั้งหลาย ก็ควรฝึกที่จะรักกันอย่างมีเหตุผล เข้าอกเข้าใจ รู้จักควบคุมอารมณ์มิให้เตลิดเปิดเปิง มีปัญหาควรแก้ไขเหมือนคู่รักชายหญิงนั่นละ เพราะหากใช้อารมณ์ในสัมพันธภาพค่อนข้างมาก มักไม่ใช่ความรัก แต่เป็นความหลงเสียมากกว่า ...ความลุ่มหลงไม่เคยทำให้ใครมีความรักที่ยั่งยืน ...เพราะมันเป็นความหลงรักแบบมืดมนที่ทำให้คนตาบอดได้เสมอ

รักต่างวัย...รักอย่างไร ไม่ให้ใจทุกข์


เรื่องราวชีวิตส่วนตัวของคนที่มีคู่ หรือกำลังจะมีคู่ ไม่มีอะไรจะน่าสนใจ เท่ากับการนำเสนอคู่รักที่มีความแตกต่างกันในด้านต่างๆ เช่น อายุ ฐานะทางสังคม ระดับการศึกษา แม้กระทั่งรูปร่างหน้าตา แต่ในที่สุดเรื่องราวจะจบลงอย่างไร ก็คงไม่มีใครสามารถที่จะทัดทานได้ เพราะคนที่กำหนดความต้องการก็คือ คนทั้ง 2 คนนั้น 

สำหรับมุมมองที่น่าสนใจ ไม่ใช่เรื่องความแตกต่าง หากแต่ความแตกต่างเหล่านั้น จะสามารถทำให้ทั้งคู่เกิดการยอมรับ และปรับตัวเข้าหากันได้หรือไม่ เป็นประเด็นที่น่าสนใจมากกว่าเสียอีก

รักไม่มีพรมแดน...หรืออายุเป็นเพียง ตัวเลข

แรกๆใครๆ ก็คิดแบบนั้นทั้งนั้น เพราะช่วงเวลาแห่งความหลง หรือตกหลุมรัก มันทำให้ทุกอย่างดูน่ายอมรับไปเสียหมด แต่พอใช้ชีวิตไปสักพักแล้ว อาจจะเกิดปัญหาในเรื่องสัมพันธภาพขึ้นมา ก็กลับมานั่งโทษกันไปโทษกันมาว่า เพราะอีกฝ่ายหนึ่งไม่ดีอย่างนั้น อย่างนี้

สิ่งที่ต้องมองว่า เพราะความที่เข้ากันไม่ได้ หรือความไม่เหมาะสมในหลายๆ ด้าน จึงทำให้ต้องเลิกรากันไป เป็นประเด็นที่น่าให้ความสำคัญมากกว่าเสียอีก 

ดังที่โบราณว่าไว้ “ยามรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน ยามชังน้ำตาลก็ว่าขม” หรือ “เส้นผมบังภูเขา” เรามาดูกันว่า อะไรบ้างที่ทำให้เกิดปัญหาได้ในคู่รักต่างวัย

ความแตกต่างของอายุ ร่วมกับความแตกต่างของรูปลักษณ์ภายนอก ถ้าตนเองจิตใจมั่นคงก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์มาก และสู้คนที่อายุน้อยกว่าไม่ได้ ก็ย่อมเกิดปัญหา เช่น หึงหวง กลัวการสูญเสีย กลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ สุดท้ายก็ต้องเลิกรากันไปในที่สุด

อายุที่แตกต่าง ย่อมมีผลต่อประสบการณ์ในชีวิตที่แตกต่างอย่างแน่นอน 

ดังนั้น การเจอปัญหาในแต่ละวัน รวมถึงวิธีการแก้ปัญหาของแต่ละฝ่าย มักจะแตกต่างกัน ซึ่งมักจะลงเอยด้วยความขัดแย้งในที่สุด เช่นเดียวกันความแตกต่างเรื่องฐานะทางสังคม 

ถ้าเอาเรื่องความแตกต่างมา เป็นตัวตำหนิ หรือการเปรียบเทียบกัน ก็ย่อมส่งผลให้เกิดความขัดแย้งและการไม่ยอมรับ เช่น การไม่ยอมรับจากครอบครัว ญาติพี่น้องของแต่ละฝ่าย ซึ่งมักจะตามมาด้วยการดูถูกเหยียดหยามกัน 

ในที่สุด ชีวิตคู่ก็ไม่สามารถที่จะไปด้วยกันได้ และมักจะรู้สึกว่าตนเองเป็นคนที่ไร้ค่าในที่สุด ความแตกต่างทางความคิด และมุมมองของความรัก เรื่องนี้ น่าจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะการมาใช้ชีวิตร่วมกันนั้น การที่จะสามารถคงความสัมพันธ์ที่ยาวนานไว้ได้ นั่นก็คือ

การที่ต่างฝ่ายต่างมีความรัก ความเมตตาต่อกัน

วิธีคิดที่น่าจะทำให้ใจสบายขึ้น กรณีที่เกิดรักต่างวัยขึ้นในชีวิตของคุณ เรื่องของอายุ ควรแตกต่างกันไม่เกินสิบปี และโดยทั่วไปสังคมมักจะให้ค่านิยมว่ าฝ่ายชายน่าจะมีอายุมากกว่าฝ่ายหญิง แต่ถ้าผู้ชายหายากจริงๆ (ในปัจจุบันก็อย่าไปคิดมากเลย อายุน้อยกว่าก็คงไม่เป็นไร)

เราคงไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ความคิดของคนอื่นได้ ยิ่งอายุต่างกัน ย่อมพบว่าความแตกต่างก็จะมากขึ้นด้วย การปรับใจ เปลี่ยนความคิดตัวเอง ลดการควบคุม การพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงอีกฝ่ายหนึ่ง พร้อมทั้งยอมรับในความเป็นตัวตนของแต่ละคนให้ได้ ถ้ารู้สึกว่าความแตกต่างทางอายุมาทำให้ตนเองขาดความมั่นใจ ก็ลองค่อยๆ ทบทวนว่า ตนเองมีจุดดีในตัวเองอะไรบ้าง หมั่นมองตนเองในแง่มุมที่ดีบ่อยๆ เราก็จะพบว่าตัวเราเองไม่ได้ด้อยค่าอย่างที่เราคิดว่าเราเป็นจริงๆ

การคบคนที่อายุต่างจากเรามากๆ อาจจะมีโอกาสที่จะได้รับรู้เรื่องราวประสบการณ์ดีๆ ที่หลายๆคนอาจจะไม่มีโอกาสอย่างที่เราได้มาก่อน ซึ่งถือว่าเป็นความโชคดีของเรา คิดเสียว่า การได้คบคนต่างวัยนั้นเหมือนมีแหล่งขุมทรัพย์ความรู้อยู่ใกล้ก็น่าจะถือว่าโชคดีกว่าคนอื่นๆ มากแล้ว ที่ต้องระวังความคิดของตนเองก็คือ อย่าคิดว่าการมีคู่รักต่างวัย เช่น คบกับคนที่อายุต่างกันมากๆ บางรายขนาดรุ่นพ่อรุ่นแม่ เพราะลึกในจิตใต้สำนึกกำลังโหยหาความรัก (ที่ขาดไป) จากพ่อหรือแม่ คงไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก เพราะการใช้ชีวิตร่วมกันในอนาคต คงต้องเป็นความสัมพันธ์แบบคู่รัก หรือฉันสามี ภรรยา มิใช่การชดเชยสิ่งที่ขาดหายไปในอดีต

จะเป็นความรัก ความสัมพันธ์แบบไหนก็แล้วแต่ คงไม่มีอะไรสำคัญมากกว่า การได้ลองพิจารณาดูว่า ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น อยู่บนพื้นฐานของความรัก ความเข้าใจ การรู้จักให้อภัย และปรับตัวซึ่งกัน และกันหรือไม่ ซึ่งจะเป็นตัวบอกถึงความยั่งยืน ในการใช้ชีวิตคู่ได้ดีกว่าสิ่งอื่นใด 

นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ที่อยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ (ที่แอบแฝง) ย่อมนำมาซึ่งความสัมพันธ์ที่สั่นคลอนและนำไปสู่ความล้มเหลวของชีวิตคู่ในที่สุด

การเมือง...เรื่อง (ไม่) เครียด...

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ การเมือง

ความแตกต่างทางความคิด กำลังทำให้สุขภาพจิตของคนในสังคมส่วนหนึ่งใกล้จะพังลง ยังไม่นับรวมที่คนในบางครอบครัว มีความคิดแตกต่างกันเอง แล้วก็มานั่งทะเลาะกัน หรือมองหน้ากันไม่ติด

ข่าวคราวมากมายที่สะท้อนให้เห็นว่า คนไทยมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน บางครั้งถึงขนาดที่ใช้กำลังห้ำหั่นกัน

เคยตั้งคำถามเล่นๆ กับตัวเองว่า อะไรเป็นตัวจุดชนวน “ความคิด” ที่นำไปสู่ภาวะสุขภาพจิตเสื่อมถอย แล้วก็ได้คำตอบหลายอย่าง อาจเป็นเพราะความห่วงใยของคนไทยที่รักประเทศ หรือเป็นเพราะความรู้สึกที่รับไม่ได้ ที่คนอื่นคิดไม่เหมือนตัวเอง คนบางคนก็ด่วนตัดสินอะไรต่อมิอะไรไป โดยที่ยังไม่ได้ฟังเหตุผลว่า อะไรถูกอะไรผิด แต่ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม สิ่งที่รู้สึกในเวลานี้ก็คือ

ความสุขของคนไทยกำลังเริ่มลดลงเรื่อยๆ....

ซึ่งต้นตอของความสุขที่ลดลงนั้น ไม่ได้มาจากปัจจัยเรื่องการเมือง หรือเศรษฐกิจ แต่มาจากปัญหาสุขภาพจิตของปัจเจกบุคคล ที่ไม่สามารถปรับความคิด ความรู้สึกให้เท่าทันกับเหตุการณ์ หรือเรื่องราวที่มากระทบได้

อะไรจะเกิดอะไรจะสูญเสีย อะไรจะเลวร้ายขนาดไหน เรายังโชคดีที่ยังไม่เคยเจอปรมาณูลงสักลูกเลย 

ญี่ปุ่น ที่บาดแผลทางกายนับไม่ถ้วน แถมบาดแผลทางใจยังคงอยู่ถึงปัจจุบัน แต่ก็ยังสามารถพัฒนาโครงสร้างทางกายภาพให้กลับมาเจริญได้อีกครั้ง

เกาหลีใต้ สู้รบมายาวนานตลอดหลายศตวรรษ ก็ยังเจริญไม่แพ้กัน 

ยุโรปอเมริกา ล้วนแล้วแต่บาดเจ็บกันมาทั้งนั้น 

ทุกวันนี้ประเทศเหล่านั้น ก็แข่งขันเจริญก้าวหน้าไม่หยุดยั้ง

รู้สึกทุกครั้งที่เห็นว่า บ้านเรามีการพัฒนาที่ล้าหลัง ซึ่งไม่น่าจะน้อยกว่า 50 ปีเป็นอย่างน้อย ทุกวันนี้ เราเรียกร้องมองหาผู้นำและคนที่จะมาแก้ปัญหา แต่คนที่จะแก้ปัญหาได้ ก็คือ คนไทยอย่างเราๆ นี่แหละหากมุ่งมั่นกันจริงๆ ก็จะกลับมาดีเองได้ ไม่มีอะไรที่พวกนักการเมือง สามารถทำร้ายประเทศชาติได้มากขนาดนั้น ยังเชื่อว่ามีคนดีมากกว่าคนเลว และเชื่อว่า สิ่งที่จะทำให้ประเทศล้าหลัง ไม่พัฒนา ก็คือ จิตใจที่ขาดการดูแลและปล่อยให้ความทุกข์บั่นทอนทุกวันต่างหาก

คนประเภทไหนบ้าง...หรือคุณเองก็น่าจะลองถามตัวเองว่า เป็นคนที่ทำให้การเมืองมีอิทธิพลต่อชีวิตมากเกินไปหรือเปล่า เช่น นิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้น ขาดการให้อภัย ขาดความยืดหยุ่น หลงยึดติดอยู่กับความคิดตนเอง หูเบา ใครพูด ใครปั่นหัวก็เชื่อไปหมด ขาดความรู้ ความพากเพียรในการห เหตุผลกับสิ่งต่างๆ ที่เข้ามาในสมอง โดยเฉพาะการหมกมุ่นอยู่กับการเสพข่าวรายวัน

นี่ยังไม่นับรวมสำหรับคนที่ป่วยๆ เช่น เป็นโรคจิตโรคอารมณ์ แปรปรวนทั้งหลาย สะกิดหน่อยเป็นไม่ได้ อารมณ์พุ่งพล่านจนแทบจะเบรกไม่ได้เลย 

คนเหล่านี้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง มักทำให้เรื่องราวและชีวิต ไปจบที่โรงพักเสมอๆ ถ้าโชคดีหน่อยตำรวจก็จับส่ง รพ. จิตเวช ให้หมอลองตรวจวินิจฉัยดูว่า เกิดอะไรขึ้น ถึงยอมเป็นเหยื่ออารมณ์ทางการเมืองกันได้มากมายขนาดนั้น

จริงๆแล้ว การเมืองไม่ใช่เรื่องเครียด เราเองต่างหากที่ “เครียด” จริงมั้ย.!!!

เที่ยวเมืองตราด

"เมืองเกาะครึ่งร้อย พลอยแดงค่าล้ำ ระกำแสนหวาน หลังอานหมาดี ยุทธนาวีเกาะช้าง สุดทางบูรพา"
คำขวัญประจำจังหวัดตราด จังหวัดในภาคตะวันออกที่อยู่ติดกับประเทศกัมพูชา เป็นจังหวัดที่มีของดีหลายอย่าง ตามที่ได้เอ่ยถึงในคำขวัญ ได้แก่ มีเกาะจำนวน 66 เกาะ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัด มีพลอยแดงน้ำงาม ที่มีชื่อว่า “ทับทิมสยาม” มีผลไม้ขึ้นชื่อคือ ระกำหวาน เป็นแหล่งกำเนิดสุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน ที่มีลักษณะพิเศษ มีความฉลาดและซื่อสัตย์

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ อนุสรณ์สถานยุทธนาวีเกาะช้าง

บริเวณชายทะเลแหลมงอบมีอนุสรณ์สถานยุทธนาวีเกาะช้าง พระอนุสาวรีย์พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ผินพระพักตร์ไปยังบริเวณที่เคยเกิดยุทธนาวีเกาะช้าง มีการจัดบริเวณและอาคารพิพิธภัณฑ์คล้ายเรือรบ ด้านในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ประวัติการสู้รบของกองทัพเรือไทยกับกองกำลังเรือรบของฝรั่งเศส รอบๆ บริเวณอนุสรณ์สถาน เป็นสวนสำหรับพักผ่อน และจะมีงานฉลองเพื่อระลึกถึงการทำยุทธนาวีกองกองทัพเรือไทย ในวันที่ 17–21 มกราคมของทุกปี

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ แมงกะพรุนถ้วยหลากสี

เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จังหวัดตราดเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากมีผู้นำภาพแมงกะพรุนถ้วยหลากสีไปเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต ทำให้มีคนเดินทางไปชมเป็นจำนวนมาก ซึ่งชาวจังหวัดตราดบอกว่าในช่วงปลายฝนต้นหนาวอย่างนี้ จะมีแมงกะพรุนถ้วยมารวมตัวกันเป็นฝูง และทอดตัวเรียงยาวเต็มทะเลอย่างนี้ทุกปี เป็นสิ่งที่คนในพื้นที่เห็นเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังไม่เคยเห็น

นับว่าเป็นโอกาสที่ดี ที่ทำให้การท่องเที่ยวของจังหวัดตราดคึกคักขึ้นมา ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ให้ชาวบ้านในแถบนั้น ได้นำเรือมาบริการนักท่องเที่ยวที่ต้องการนั่งเรือออกไปชมแมงกะพรุนหลากสีที่ลอยตัวขึ้นมาเป็นสายยาวกว่า 2 กิโลเมตร บริเวณปากคลองเขาล้าน และตามชายหาดต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่หาดราชการุณย์ ศูนย์ราชการุณย์ สภากาชาดไทย เขาล้าน ซึ่งมีห้องพักไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วย