หลังสึนามิถล่มเมืองเซนไดของประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้ผู้คนทั้งโลกตกตะลึงและเศร้าโศกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบไม่คาดฝันและยังตั้งสติไม่ได้ บัดนี้เวลาผ่านไป 6 เดือนแล้วรัฐบาลญี่ปุ่นปัดกวาดทำความสะอาดบริเวณที่ประสบภัยจนเรียบร้อย และยังเข้าไปควบคุมดูแลโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไม่ให้มีกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลออกมาจนสามารถพูดได้ว่า “ญี่ปุ่นปลอดภัยแล้ว”
ช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ได้ทราบข่าวจากคุณโต๊ด หรือคุณสันติ ลีลาทิพย์กุล เจ้าของไรน์นิช ทราเวลว่า นักท่องเที่ยวทั่วโลกยกเลิกการเดินทางไปญี่ปุ่น ทำให้บริษัททัวร์และกิจการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวทั้งหลายแย่ไปตามๆ กัน แม้ว่าเดี๋ยวนี้สถานการณ์เรียบร้อยแล้วก็ตาม ถ้าเช่นนั้นเราก็ต้องเดินทางไปพิสูจน์ให้เห็นกับตาว่า “ญี่ปุ่นปลอดภัยแล้ว” ว่าแล้วคณะของเราก็จัดแจงเดินทางไปญี่ปุ่นกันแบบฉุกละหุก โดยคุณยงยุทธ ลุจินดานนท์ ผู้จัดการฝ่ายขายสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก ประจำประเทศไทย เป็นคนอำนวยความสะดวกทุกอย่าง ตั้งแต่ให้ตั๋วเครื่องบินพาคณะของเราไปพักผ่อนในเลานจ์ ที่มีอาหารการกิน ขนมนมเนย ผลไม้และเครื่องดื่มเพียบพร้อมสมบูรณ์แบบ เรียกว่ากินกันจนอิ่มแบบมื้ออาหารหลักเลยก็ว่าได้ ส่วนความสะดวกสบายบนเครื่องบินไม่ต้องพูดถึง โดยเฉพาะพนักงานต้อนรับสาวสวยที่คอยดูแลเอาอกเอาใจเป็นอย่างดี เรียกเปรี้ยวได้เปรี้ยว เรียกหวานได้หวาน อาหารก็อร่อยทุกเมนูทั้งไปและกลับ เลยกินทุกอย่างที่เขาเอามาเสิร์ฟให้จนหมด แถมที่นั่งยังกว้างขวางสะดวกสบาย ทำให้การเดินทางครั้งนี้ไม่เหนื่อยเลย
วันแรกที่มาถึงญี่ปุ่นเครื่องลงที่สนามบินนาริตะ เราก็นั่งรถเข้ามาที่โตเกียว พักที่โรงแรมเพนนินซูล่า ใจกลางกินซ่า อยู่ตรงข้ามตึกสำนักงานการบินไทย พอรุ่งเช้าอากาศแจ่มใส คุณโต๊ดวางแผนพาเราเดินทางไปเมืองฮาโกเน่ ขึ้นรถไฟสายโรแมนติก (Romancecar Super Express) ซึ่งเป็นรถไฟชั้นหนึ่งที่สะอาดสะอ้าน สามารถปรับที่นั่งหมุนหันหน้าเข้าหากันได้ และที่ถูกใจผมมากที่สุดเห็นจะเป็นห้องน้ำที่สะอาดสะอ้าน สะดวกสบายได้มาตรฐานระดับโรงแรมห้าดาว
รถไฟวิ่งไปเกือบสองชั่วโมงก็มาถึงเมืองฮาโกเน่ เป็นเวลาอาหารกลางวันพอดี เราจึงมารับประทาน ข้าวราดหน้าแกงกะหรี่แบบญี่ปุ่น ที่ร้านโคโคโระ เป็นร้านที่เพิ่งเปิดแต่ดังระเบิดเพราะเป็นแกงกะหรี่ที่มีเครื่องเครา เช่น ไข่ต้ม หมูทอด แฮมเบอร์เกอร์หรือชีส ให้เราเลือกโปะลงบนแกงกะหรี่เป็นการเพิ่มรสชาติของอาหารให้อร่อยขึ้น จึงทำให้แกงกะหรี่ของที่นี่แปลกและอร่อยไม่เหมือนใคร
อิ่มหนำสำราญแล้ว ก็เดินทางไปโรงแรมที่พักชื่อยูเชนเท อยู่ริมลำธารได้ยินเสียงน้ำไหลแรงเหมือนน้ำตกยังไงยังงั้น ลองเดินสำรวจบริเวณหมู่บ้านแถบนี้จึงทราบว่า ชาวบ้านที่มีบ้านอยู่ริมลำธารจะทำบ้านเป็นโรงแรมออนเซ็นขนาดเล็กๆ กะทัดรัด บริหารจัดการกันเองภายในครอบครัว ชั้นบนแบ่งเป็นห้องพัก 5–10 ห้อง ชั้นล่างมีห้องอาหาร ห้องอาบน้ำแร่ออนเซ็นแยกชายหญิง ผู้ที่มาพักจะได้สัมผัสธรรมชาติและวิถีชีวิตตามแบบฉบับของญี่ปุ่นแท้ๆ ที่มีทั้งความอบอุ่น ความอร่อยของอาหารไคเซกิ ที่ปรุงรสชาติตามสไตล์ท้องถิ่นนั้นๆ นอนบนเสื่อตาตามิ และการดูแลเอาใจใส่แบบญาติสนิทที่ทำให้คณะของเราประทับใจมาก
รถไฟวิ่งไปเกือบสองชั่วโมงก็มาถึงเมืองฮาโกเน่ เป็นเวลาอาหารกลางวันพอดี เราจึงมารับประทาน ข้าวราดหน้าแกงกะหรี่แบบญี่ปุ่น ที่ร้านโคโคโระ เป็นร้านที่เพิ่งเปิดแต่ดังระเบิดเพราะเป็นแกงกะหรี่ที่มีเครื่องเครา เช่น ไข่ต้ม หมูทอด แฮมเบอร์เกอร์หรือชีส ให้เราเลือกโปะลงบนแกงกะหรี่เป็นการเพิ่มรสชาติของอาหารให้อร่อยขึ้น จึงทำให้แกงกะหรี่ของที่นี่แปลกและอร่อยไม่เหมือนใคร
อิ่มหนำสำราญแล้ว ก็เดินทางไปโรงแรมที่พักชื่อยูเชนเท อยู่ริมลำธารได้ยินเสียงน้ำไหลแรงเหมือนน้ำตกยังไงยังงั้น ลองเดินสำรวจบริเวณหมู่บ้านแถบนี้จึงทราบว่า ชาวบ้านที่มีบ้านอยู่ริมลำธารจะทำบ้านเป็นโรงแรมออนเซ็นขนาดเล็กๆ กะทัดรัด บริหารจัดการกันเองภายในครอบครัว ชั้นบนแบ่งเป็นห้องพัก 5–10 ห้อง ชั้นล่างมีห้องอาหาร ห้องอาบน้ำแร่ออนเซ็นแยกชายหญิง ผู้ที่มาพักจะได้สัมผัสธรรมชาติและวิถีชีวิตตามแบบฉบับของญี่ปุ่นแท้ๆ ที่มีทั้งความอบอุ่น ความอร่อยของอาหารไคเซกิ ที่ปรุงรสชาติตามสไตล์ท้องถิ่นนั้นๆ นอนบนเสื่อตาตามิ และการดูแลเอาใจใส่แบบญาติสนิทที่ทำให้คณะของเราประทับใจมาก
"ฮาโกเน่" เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติมาเยือนเป็นจำนวนมาก มีชื่อเสียงเรื่องรีสอร์ตที่มีออนเซ็นและวิวทิวทัศน์โดยรอบภูเขาไฟฟูจิ มีทั้ง ทะเลสาบอาชิ สปาน้ำพุร้อน ศาลเจ้าฮาโกเน่
หลังจากเก็บข้าวของเข้าที่เรียบร้อย เราก็กลับไปสถานีรถไฟเพื่อขึ้นรถไฟสายโรแมนติกไปเที่ยวกันต่อ เขาจะมีแผนที่ท่องเที่ยว จุดแวะต่างๆ บอกไว้หมดแต่ต้องใช้เวลาทั้งวัน คณะของเราเลือกที่จะไปเที่ยวชมคือ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งของฮาโกเน่แห่งเดียว แล้วจึงกลับมานอนฟังเสียงน้ำไหลซู่ซ่าพาให้เพลินจนหลับสนิท ตื่นขึ้นมากระปรี้กระเปร่าพร้อมจะออกไปผจญภัย ซึ่งจะพาเราขึ้นรถบัสประจำทางจากเมืองฮาโกเน่ไปเมืองโกเท็มบะ ที่มีภูเขาไฟฟูจิสูงเด่นเป็นสง่า ใหญ่ทะมึนอยู่เบื้องหลัง แต่ไม่เห็นหิมะปกคลุมบนยอดเขาเหมือนทุกครั้งที่มา เพราะเป็นช่วงหน้าร้อน เรานั่งรถเที่ยวชมรอบๆ เมืองโกเท็มบะและแวะไปช็อปปิ้งที่โกเท็มบะเอาต์เล็ต ซึ่งเป็นเอาต์เล็ตที่ขายของมียี่ห้อมากมายสารพัดชนิด เดินชมสินค้าจนเมื่อยขาจึงเดินทางกลับโตเกียว
เมื่อมาถึงโตเกียวเราต้องไปหาของกินอร่อยๆ จะกินร้านที่เคยกิน หรือเสาะแสวงหาร้านอร่อยใหม่ๆ ก็สุดแท้แต่ แต่มื้อนี้ขอเป็นร้านประจำ คือร้านชาบูชาบู ของแท้แบบญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ร้านนี้ชื่อชาบูเซ็น (SHABUZEN) อยู่แถวกินซ่า ภายในร้านจัดเป็นเคาน์เตอร์วงรีนั่งได้ประมาณ 25 คน มี 3 เคาน์เตอร์ ตรงกลางจัดสำหรับให้พนักงานบริการลูกค้า ตรงหน้าของเราจะมีหม้อทองเหลืองเคลือบฉนวนกันความร้อน พร้อมอุปกรณ์การลวกจิ้มของใครของมันและน้ำจิ้ม 2 แบบให้เลือก คือแบบข้นทำจากถั่วบดและแบบใสออกรสเปรี้ยว สำหรับเนื้อสัตว์และผักต่างๆ เราสั่งได้ตามใจชอบ แต่ที่อร่อยที่สุดต้องเป็นเนื้อวากิวของแท้ราคาแพงของญี่ปุ่น ที่สไลด์บางเฉียบจัดวางแผ่มาเต็มจาน ใช้ตะเกียบคีบนำไปลวกในน้ำซุปพอให้สะดุ้งความร้อนนิดหน่อย แล้วนำมาจิ้มน้ำจิ้ม ส่งเข้าปากแบบไม่ต้องเคี้ยวก็ละลายลงคอได้รสชาติความหวานของเนื้อวากิวอร่อยจนฝันถึง ตบท้ายด้วยเส้นอูด้ง หรือข้าวสวยใส่ลงไปในน้ำซุปที่เหลืออยู่นิดหน่อยตรงนี้แหละที่ขาดไม่ได้ ซดกันคนละชามเป็นอันเสร็จสำรับของคาว ทีนี้มาถึงของหวานที่ทำให้พวกเราประหลาดใจ คือ เฉาก๊วย แต่พอมาเสิร์ฟกลับเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้เส้นยาวๆ ขาวจั๊วะแช่มาในชามอ่างใส่น้ำแข็งและมีถ้วยเล็กๆใส่น้ำเชื่อมคาราเมลมาอีกหนึ่งถ้วย จึงถามพนักงานว่ากินอย่างไร เขาบอกว่าให้เอาตะเกียบคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวให้สะเด็ดน้ำ แล้วนำไปจุ่มในคาราเมล กินเข้าไปแล้วมันหนึบๆ หอมเย็นชื่นใจจังเลย โออิชิ โออิชิ
โตเกียวมีที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง เช่น ดิสนีย์แลนด์ วัดอาซากูซะ ย่านช็อปปิ้งที่ฮาราจูกุ–ชินจูกุ–ชิบูย่า หรือจะไป ตลาดปลาซึกิจิ (TsuKiji) ไปเดินดูการประมูลปลา หาซื้อของแห้งของสดๆ จากทะเลที่นำมาขายมากมายในราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่อ ก็ไม่ผิดกติกาใดๆ เลือกที่จะไปเป็นพระยาน้อยเดินตลาดปลาซึกิจิ และไปกินซูชิที่ทำจากปลาสดๆ ที่ร้านซูชิซันไม ซึ่งเป็นร้านประจำอีกเช่นกัน ที่นี่มีข้าวปั้นหน้าต่างๆ ให้เราเลือกมากมาย แถมราคายังถูกกว่าไปกินร้านหรูๆ แถวกินซ่าเสียอีก จึงบอกให้คุณโต๊ดสั่งพ่อครัวหน้าเคาน์เตอร์ว่า โอมากาเซะ แปลว่า สุดแท้แต่ท่านจะสรรหามาให้รับประทาน คราวนี้แหละของดี ของอร่อย ของแพงที่สุดของร้านก็มาวางเรียงรายอยู่ตรงหน้าให้เลือกกินจนพอใจ เช่น ข้าวปั้นหน้าปลาโอโทโร่ ชูโทโร่ ปลาซะมะ (ที่ต้องกินช่วงหน้าร้อนจะอร่อยที่สุด) อูนางิ (ปลาไหล) อูนิ (ไข่หอยเม่น) กุ้งหวาน ปลาหมึก หอยต่างๆ เป็นต้น หลังจากกินแบบโอมากาเซะเรียบร้อยแล้ว ก็ไปเดินย่อยอาหารเพื่อซื้อของฝากกระจุกกระจิก ที่วัดอาซากูซะที่คนไทยรู้จักกันดี เพราะมีของฝากสไตล์ญี่ปุ่นให้เลือกซื้อมากมาย กินน้ำมะเน็ดที่วางขายอยู่ปากทางเข้าวัด 1 ขวด มิฉะนั้นจะถือว่ามาไม่ถึงวัดอาซากูซะ
โตเกียวมีที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง เช่น ดิสนีย์แลนด์ วัดอาซากูซะ ย่านช็อปปิ้งที่ฮาราจูกุ–ชินจูกุ–ชิบูย่า หรือจะไป ตลาดปลาซึกิจิ (TsuKiji) ไปเดินดูการประมูลปลา หาซื้อของแห้งของสดๆ จากทะเลที่นำมาขายมากมายในราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่อ ก็ไม่ผิดกติกาใดๆ เลือกที่จะไปเป็นพระยาน้อยเดินตลาดปลาซึกิจิ และไปกินซูชิที่ทำจากปลาสดๆ ที่ร้านซูชิซันไม ซึ่งเป็นร้านประจำอีกเช่นกัน ที่นี่มีข้าวปั้นหน้าต่างๆ ให้เราเลือกมากมาย แถมราคายังถูกกว่าไปกินร้านหรูๆ แถวกินซ่าเสียอีก จึงบอกให้คุณโต๊ดสั่งพ่อครัวหน้าเคาน์เตอร์ว่า โอมากาเซะ แปลว่า สุดแท้แต่ท่านจะสรรหามาให้รับประทาน คราวนี้แหละของดี ของอร่อย ของแพงที่สุดของร้านก็มาวางเรียงรายอยู่ตรงหน้าให้เลือกกินจนพอใจ เช่น ข้าวปั้นหน้าปลาโอโทโร่ ชูโทโร่ ปลาซะมะ (ที่ต้องกินช่วงหน้าร้อนจะอร่อยที่สุด) อูนางิ (ปลาไหล) อูนิ (ไข่หอยเม่น) กุ้งหวาน ปลาหมึก หอยต่างๆ เป็นต้น หลังจากกินแบบโอมากาเซะเรียบร้อยแล้ว ก็ไปเดินย่อยอาหารเพื่อซื้อของฝากกระจุกกระจิก ที่วัดอาซากูซะที่คนไทยรู้จักกันดี เพราะมีของฝากสไตล์ญี่ปุ่นให้เลือกซื้อมากมาย กินน้ำมะเน็ดที่วางขายอยู่ปากทางเข้าวัด 1 ขวด มิฉะนั้นจะถือว่ามาไม่ถึงวัดอาซากูซะ
จากนั้นก็ไปเที่ยวต่อที่เมืองคาวาโกเอะ ซึ่งเป็นเมืองเก่าตั้งแต่สมัยเอโดะ เพื่อดูสภาพบ้านแบบโบราณที่ทำด้วยดินเหนียว และร้านค้าเก่าแก่ที่ประกอบอาชีพทำมีดขายมาสามชั่วอายุคนแล้ว แค่มีดแล่ปลาดิบเขาใช้กันจนเหลือนิดเดียวเอง
มื้อค่ำคุณโต๊ดพาเราไปกินของปิ้ง ของย่าง ที่ร้านร็อคกาเซ็น ร้านนี้เป็นร้านโปรดของคนไทยเช่นกัน จะมีเนื้อ หมู ไก่ เครื่องใน ปลา กุ้ง ปลาหมึก หอย ปูอลาสก้า ผักต่างๆ มาให้เราปิ้งๆ ย่างๆ กินกับเบียร์อาซาฮี และสาเก เมาไม่รู้ตัวเลย
วันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับต้องแวะไปกิน ร้านโทริงิน กินซ่าซอย 4 ซึ่งเป็น ร้านเชลล์ชวนชิมร้านแรกของญี่ปุ่นเมื่อปี 2504 ตอนนั้นร้านยังเป็นเพิงเล็กๆ เดี๋ยวนี้ใหญ่โตโอ่โถง ของอร่อยของที่นี่คือ สารพัดไก่เสียบไม้ย่าง มีเนื้อ หนัง ปีก เครื่องใน ตูด ลูกชิ้นไก่ แปะก๊วย พริกหวาน เห็ดหอมสด ทุกอย่างเสียบไม้ย่างกินกับสาเกที่มาเป็นชามอ่าง ตบท้ายด้วย ข้าวอบกามาเมชิหน้าเป๋าฮื้อ อิ่มจนถึงเมืองไทยเลย
มาคราวนี้ก็เพื่อจะบอกให้ผู้ที่รักการท่องเที่ยวและอยากไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นได้ทราบว่า “ญี่ปุ่นปลอดภัยแล้ว” สามารถไปพักผ่อน ไปเที่ยว ไปกิน เหมือนอย่างที่สาธยายมาทั้งหมดรับรองจะติดใจ
มื้อค่ำคุณโต๊ดพาเราไปกินของปิ้ง ของย่าง ที่ร้านร็อคกาเซ็น ร้านนี้เป็นร้านโปรดของคนไทยเช่นกัน จะมีเนื้อ หมู ไก่ เครื่องใน ปลา กุ้ง ปลาหมึก หอย ปูอลาสก้า ผักต่างๆ มาให้เราปิ้งๆ ย่างๆ กินกับเบียร์อาซาฮี และสาเก เมาไม่รู้ตัวเลย
วันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับต้องแวะไปกิน ร้านโทริงิน กินซ่าซอย 4 ซึ่งเป็น ร้านเชลล์ชวนชิมร้านแรกของญี่ปุ่นเมื่อปี 2504 ตอนนั้นร้านยังเป็นเพิงเล็กๆ เดี๋ยวนี้ใหญ่โตโอ่โถง ของอร่อยของที่นี่คือ สารพัดไก่เสียบไม้ย่าง มีเนื้อ หนัง ปีก เครื่องใน ตูด ลูกชิ้นไก่ แปะก๊วย พริกหวาน เห็ดหอมสด ทุกอย่างเสียบไม้ย่างกินกับสาเกที่มาเป็นชามอ่าง ตบท้ายด้วย ข้าวอบกามาเมชิหน้าเป๋าฮื้อ อิ่มจนถึงเมืองไทยเลย
มาคราวนี้ก็เพื่อจะบอกให้ผู้ที่รักการท่องเที่ยวและอยากไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นได้ทราบว่า “ญี่ปุ่นปลอดภัยแล้ว” สามารถไปพักผ่อน ไปเที่ยว ไปกิน เหมือนอย่างที่สาธยายมาทั้งหมดรับรองจะติดใจ