ลอยกระทงผ่านไป...ปีใหม่กำลังมา ...วาเลนไทน์ยังคอยท่า...


เรื่องราวความห่วงใยวัยรุ่น โดยเฉพาะสาวๆ ที่มักตกเป็นเหยื่อทางเพศแบบที่เต็มใจแต่ไม่รู้ตัว กำลังเป็นสถิติใหม่ที่เกิดขึ้นในเมืองไทย โพลสำนักหนึ่งระบุว่า ช่วงเทศกาลลอยกระทง วัยรุ่นมีโอกาสที่จะเสียสาวเสียหนุ่ม ถึงร้อยละ 75.7 สาเหตุเพราะได้ออกไปเที่ยวด้วยกันตามลำพัง และบรรยากาศพาไป คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายก็คงจะตามลูกไม่ทันอีกตามเคย แล้วก็ต้องมาก่ายหน้าผากกลุ้มใจไปวันๆ
เด็กรุ่นใหม่มองการเสียตัวเป็นเรื่องธรรมดา แถมคิดว่าเป็นแค่เรื่องของการแสวงหาความสุขให้แก่ชีวิตไม่เห็นเป็นอะไร
อายุของเด็กวัยรุ่นที่จะเสียตัวน้อยลง เรื่อยๆ จนน่าเป็นห่วง นั่นหมายถึง เราก็จะมีคุณแม่วัยรุ่นอายุน้อยลงเรื่อยๆ ด้วยเช่นเดียวกัน

ยุคปัจจุบันนี้ ไม่เฉพาะลูกสาวที่น่าห่วง แต่ลูกชายก็น่าห่วงไม่แพ้กัน เพราะการเสียตัวของพวกเธอและพวกเขาเหล่านั้น มักจะแลกด้วยวัตถุเงินทองตอบแทนกลับมา เมื่อยิ่งได้ (เงิน) ก็ยิ่งยินดีที่จะเสีย (ตัว)

การเสียตัวของลูก อาจไม่ได้เกิดจากการสำส่อนหรือใจแตก แต่เกิดจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ ในโรงเรียนต่างๆ มีการล่วงละเมิดทางเพศระหว่างครูกับนักเรียน หรือแม้แต่นักเรียนกับนักเรียนอยู่ไม่น้อย

คนที่มักล่วงละเมิดทางเพศเด็กวัยรุ่นส่วนใหญ่ มักเป็นคนใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นต่างเพศและ/หรือเพศเดียวกัน เช่น ครูที่โรงเรียน คนที่บ้านโดยเฉพาะพ่อ แม้แต่ในวัดก็อาจจะไม่ปลอดภัยอีกแล้ว

เด็กวัยรุ่นยอมเสียตัว อาจจะเพราะต้องการเงินมาซื้อวัตถุตามสมัยนิยม และที่ห้ามมองข้ามไปคือ การเสียตัวเพื่อแลกกับยาเสพติดหรือใช้ควบคู่กันไป เมื่อติดยาก็อาจจะติดเซ็กซ์ร่วมด้วย นอกจากนี้ บางส่วนก็ถูกบังคับหรือถูกหลอกก็มี

ส่วนน้องๆ วัยรุ่นก็ควรคิดและตระหนักอยู่เสมอว่า 
ความสนุกชั่ว ครั้งชั่วคราว ไม่ใช่สุขถาวรและแท้จริง อย่าได้ฝันว่าจะเจอรักแท้กับคนที่เราปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้โดยง่ายดาย
มุมมองเรื่องการเสียตัว จะมองว่าของใหม่ย่อมดีกว่าเสมอ วันนี้คุณเป็นของใหม่ แต่ไม่มีของใหม่ไหนจะใหม่ตลอดกาล พึงเตรียมตัวรับมือกับอารมณ์ของการถูกทำให้เป็นของเก่า แล้วจะต้องมานั่งฟูมฟายเสียอกเสียใจไปเรื่อยๆ โดยไม่มีอะไรที่ดีเกิดขึ้น

บ่อยครั้งที่การเสียตัวจะนำมาซึ่งผลกระทบเสียหายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องท้องในเวลาที่ไม่ควรท้อง ปัญหาการทำแท้ง การติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การสูญเสียโอกาสทางการเรียน การทำงาน และอนาคตในการที่จะได้เจอคนดีๆ ร้ายสุดก็คือ การเสียชีวิต

การปล่อยเนื้อปล่อยตัว ทำให้คนส่วนใหญ่ดูถูก และคุณอาจจะหมดคุณค่าในสายตาคนดีๆ และอาจมีเพียงแค่มูลค่าในการเป็นที่ระบายความใคร่ของใครบางคนเท่านั้น

การหมกมุ่นอยู่กับเรื่องการเสียตัว หรือเรื่องเพศนานๆ มักสะท้อนว่า คุณน่าจะมีปัญหาทางด้านสุขภาพจิตซ่อนอยู่โดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะโรคอารมณ์แปรปรวน ที่ต้องได้รับการบำบัดรักษาอย่างทันท่วงที

สิ่งสำคัญที่สุดที่พ่อแม่ควรทำ เพื่อป้องกันการเสียตัวก่อนวัยอันควรของลูก ก็คือ เพิ่มเวลาในการสังเกตพฤติกรรมลูกๆ ให้เวลาพูดคุยทำความเข้าใจ และให้ความอบอุ่น โดยเฉพาะลูกวัยรุ่น แม้ต้องการอิสระ แต่ลูกวัยรุ่นก็ยังต้องการพ่อแม่คอยหนุนหลังอยู่ตลอดเวลา

เริ่มฝึกวินัยตั้งแต่ลูกยังอายุน้อยๆ เพราะการที่ลูกมีวินัย ลูกจะรู้จักควบคุมอารมณ์ตนเองได้ดีขึ้นด้วย พ่อแม่และครูอาจารย์ ควรทำตัวให้เข้าใจ และเป็นที่ไว้วางใจเวลาที่เด็กมีปัญหาจะได้กล้าเข้ามาปรึกษา

หากลูกพลาดพลั้ง อย่าซ้ำเติม ควรให้อภัย ตั้งสติหาทางแก้ไข ด้วยการปรึกษาผู้มีประสบการณ์ อย่าปล่อยให้ค่านิยมทางสังคมเยียวยากันเอง เพราะอาจจะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง

เด็กวัยรุ่นเองพึงระลึกและท่องให้ขึ้นใจว่า 
ทุกครั้งที่มีความต้องการทางเพศ ไม่จำเป็นต้องระบายทุกครั้ง 
การหาทางออกด้วยวิธีอื่น นอกเหนือจากการมีเพศสัมพันธ์ ก็ช่วยบรรเทาความกำหนัดได้ เช่น การออก กำลังกาย ทำกิจกรรมหรืองานอดิเรกที่ตนเองชอบ 

หากลูกถูกล่วงละเมิดทางเพศ ควรดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้กระทำความผิด เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป อย่ากลัวอิทธิพลต่างๆ เพราะปัจจุบันมีองค์กรให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายมากมาย
เสียตัวขนาดไหน ยังไม่เสียใจที่เสียรู้และเสียคุณค่าในการมองตน 
อย่างไรก็ตาม ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น อาจจะไม่ใช่ความผิดติดตัวตลอดไป ถ้าเริ่มต้นแก้ไขและหยุดปล่อย ตัวปล่อยใจตั้งแต่วันนี้ หันกลับมาดูแลตนเองกันดีกว่า คนที่มีคุณค่า ใครๆ ก็อยากได้ โดยไม่ต้องไปเที่ยวแจกให้ใครฟรีๆ...

ผ่อนคลายที่ชายทะเล


ความทรงจำที่ประทับใจอย่างมากหลายปีก่อน คือการได้ไปเที่ยวในที่ที่ตนเองโปรดมากๆ นั่นคือ ชายทะเลและเกาะทางภาคใต้ ฝั่งทะเลอันดามัน แม้เท้าจะเหยียบย่ำไปบนพื้นทรายร้อนๆ แสงแดดจะแผดเผาตามร่างกายจนแสบไปหมด แต่ก็มีกลิ่นอายของทะเลที่โปรดปราน อันเป็นที่มาของความสุขทางใจมากมายเหลือเกิน

สิ่งที่อดทำไม่ได้คือ การลงไปนอนกองอยู่ตรงนั้น เอาหูแนบกับพื้นทราย ฟังเสียงคลื่นกระทบชายหาดและเสียงเรือหางยาว ที่แล่นอยู่ไกลๆ ความทรงจำเหล่านี้ ถูกบันทึกไว้ในโสตประสาท แม้จะหลายปีผ่านมาแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยเลือนหายไป เพราะเรียกออกมาใช้ประโยชน์ ในยามที่รู้สึกเครียดจากการทำงานและเรื่องต่างๆ ได้เป็นอย่างดีอยู่เสมอ

สมองของคนเรามีข้อดีมากๆ คือ มีความสามารถจดจำทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดีได้เกือบทั้งหมด แต่ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องรับรู้เรื่องเหล่านั้นพร้อมกันทีเดียว

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เราคงอยู่ไม่ได้ เพราะความคิดคงตีกันในสมอง เหมือนกับคนที่ป่วยทางจิต อารมณ์แปรปรวน ในสมองมีแต่ความสับสนปนเปเรื่องราวต่างๆ ไปหมดจนขาดสติ แต่ข้อเสียของสมองคนเราอย่างหนึ่งก็คือ ไม่มีปุ่มลบทิ้ง (delete) เหมือนในคอมพิวเตอร์

วิธีหนึ่งที่จะช่วยให้เราไม่เครียดได้ คือ ทำอย่างไรให้ความคิดที่เป็นลบ หรือความเครียดอ่อนแรงลงไป ด้วยการเติมสิ่งที่เป็นบวก หรือความสุขให้มีพลังมาทดแทน

วิธีเพิ่มพลังเซลล์สมองแห่งการผ่อนคลายแบบง่ายๆ
เริ่มต้นบอกตัวเองทุกวันว่า ฉันจะดูแลจิตใจของฉันทุกเวลา โดยเฉพาะในยามที่อ่อนล้าหมดกำลังใจ ข้อนี้สำคัญที่สุด ตราบใดที่คุณยังลังเลเรื่องการดูแลตัวเอง โดยเฉพาะสุขภาพทางกายและใจ แถมบางคนก็มัวแต่ดูแลคนอื่น จนตัวเองเหนื่อยล้า แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธใดๆ รับรองได้ว่า คำแนะนำข้อถัดไปก็คงไม่เกิดขึ้นแน่นอน

เมื่อบอกตัวเองแล้ว หันมาตั้งใจหาสิ่งที่ดีๆ ที่จะนำมาเข้าสู่ความคิดและจิตใจของตนเอง ด้วยการคิดทบทวนว่า กิจกรรมใดที่เราชอบทำ โดยเฉพาะการเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ หาประสบการณ์ใหม่ๆหรือเติมเต็มประสบการณ์ดีๆ ให้กับจิตใจของเราอยู่เสมอๆ เพราะการเพิ่มพลังแบบนี้ ก็เหมือนการไปชาร์จแบตเตอรี่ให้ชีวิตของเราเอง อย่ามัวแต่นั่งเครียด หรือวิตกกังวลอยู่ในห้องสี่เหลี่ยม หรือจมอยู่กับงาน เพราะยังไงก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น

เติมความรู้สึกที่เป็นบวกให้กับสมองและความคิดของตนเอง ด้วยการเข้าหาสิ่งที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด อย่าลืมว่าคนเราเกิดมาจากธรรมชาติ เราอยู่กับธรรมชาติมายาวนาน การห่างไกลจากธรรมชาติ เป็นตัวเพิ่มความเครียดที่ดีที่สุด การหาประสบการณ์จากการท่องเที่ยว หรือบำเพ็ญประโยชน์ให้กับธรรมชาติและสังคมรอบๆ ตัวคุณ และเพิ่มเติมว่า หากคุณสามารถอยู่ห่างๆ เทคโนโลยีทั้งหลายไปบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการหมกมุ่นอยู่กับสื่อสังคมออนไลน์ การเล่นเกมคอมพิวเตอร์ ก็น่าจะช่วยให้จิตใจสงบขึ้นได้มาก เนื่องจากไม่มีสิ่งมารบกวนจิตใจจนมากเกินความจำเป็น

นอกจากนี้ การผ่อนคลายทางร่างกาย เช่น การไปนวด ไปสปา ออกกำลังกาย เช่น โยคะหรือจ๊อกกิ้ง ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการดูแลตนเองและให้ผลดีกับเซลล์สมองของเราเช่นเดียวกัน

รู้ไหมว่า เซลล์สมองของคนเราถูกทำลายไปตามธรรมชาติทุกวัน และจะถูกทำลายมากขึ้นกว่าปกติ เมื่อมีความเครียดเกิดขึ้น จากการหมกมุ่นอยู่กับความเครียด วิตกกังวลและโดยเฉพาะความโกรธ การอยู่คนเดียวเงียบๆ เป็นการให้เวลากับสมองในการผ่อนคลาย จากอารมณ์ที่รบกวน จะทำให้สมองได้ปรับคลื่นใหม่ ที่ไม่ใช่คลื่นแห่งการทำลายเซลล์สมอง จะเป็นการช่วยชะลอความเสื่อมของสมองได้ดี โดยเฉพาะเซลล์มองที่เกี่ยวข้องกับ “ความจำ”

หลักการแห่งธรรมะ เป็นสิ่งสำคัญต่อการปรับสภาพความตึงเครียดของสมองให้ผ่อนคลายขึ้น มีรายงานการวิจัยบอกว่า การนั่งสมาธิและการวิปัสสนา จะช่วยให้การทำงานของสมองดีขึ้น และมีความสุขขึ้นโดยอัตโนมัติ 

ทั้งนี้และทั้งนั้น การกระทำดังกล่าวควรมีครูบาอาจารย์คอยชี้แนะ ไม่แนะนำให้คนที่จิตใจสับสนมากๆ ไปนั่งวิปัสสนา เพราะอาจทำให้อาการแย่ลงกว่าเดิม

หากคิดอะไรยังไม่ออกก็อย่าลืม “การนอนหลับพักผ่อน” ให้เพียงพอก่อน ถือว่าเป็นตัวจุดประกายความคิดอื่นๆ ขึ้นมาได้ แต่ก็ไม่แนะนำให้นอนมากจนเกินไป เช่น เกินวันละ 10 ถึง 12 ชั่วโมง อาจจะยิ่งทำให้สมองเฉื่อยชา เชื่องช้า และติดการนอนจนไม่อยากออกไปไหน อารมณ์อาจจะหดหู่แทนที่จะสดชื่น เมื่อพักผ่อนเต็มที่อารมณ์ดีขึ้น เชื่อว่า เดี๋ยวโปรแกรมท่องเที่ยวคงจะพรั่งพรูจนแทบจะเที่ยวกันไม่ทัน

ปลายปีแบบนี้ ฝนก็ตกน้อยลง อากาศเริ่มเย็นสบาย ฤดูกาลท่องเที่ยวและการเฉลิมฉลองของคนไทย เริ่มมาถึงอีกครั้งหนึ่ง คุณจะเก็บตัวอยู่ในบ้านหรือในห้องสี่เหลี่ยมหรือ 

ออกไปสร้างประสบการณ์แห่งความสุข บันทึกไว้ในความทรงจำดีกว่าไหม

เผื่อวันใดวันหนึ่งต้องเรียกใช้ จะได้มีสำรองเยอะๆ

ชวนท่องเที่ยวจันทบุรี

งาน “เปิดโลกอัญมณีและของดีเมืองจันท์” ครั้งที่ 9 จัดโดยจังหวัดจันทบุรีร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสมาคมผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรี งานจะมีในวันที่ 8–16 ธันวาคม 2555 ณ ศูนย์ส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรี


ใน งาน “เปิดโลกอัญมณีและของดีเมืองจันท์” ครั้งที่ 9 มีกิจกรรมที่น่าสนใจหลายอย่าง อาทิ การจัดแสดงอัญมณีล้ำค่าหาชมได้ยาก การเดินแบบอัญมณีและเครื่องประดับในพิธีเปิดงานวันที่ 8 ธันวาคม 2555 มีการปรับภูมิทัศน์รอบบริเวณงานภายใต้แนวคิด “Jewelry in the Garden” โดยการใช้สีสันของดอกไม้นานาพันธุ์แทน อัญมณีสีต่างๆ เพื่อเป็นสัญลักษณ์สื่อให้เห็นถึงความเป็นเมืองแห่งอัญมณีและเครื่องประดับ รวมถึงการเป็นศูนย์กลางย่านการค้าพลอยจันท์ของจังหวัดจันทบุรี ซึ่งจัดและตกแต่งโดยผู้ชำนาญการด้านการจัดสวน พร้อมประดับตก แต่งไฟรอบบริเวณงาน


นิทรรศการตามรอยเส้นทางอัญมณี รวบรวมองค์ความรู้ด้านอัญมณีตั้งแต่แหล่งกำเนิดจากทั่วทุกมุมโลก โดยจัดให้เป็นนิทรรศการที่มีชีวิต มีการสาธิตขั้นตอนและกระบวนการของการเพิ่มมูลค่าในการผลิตอัญมณี

โปรแกรมทัวร์ฟรี สำหรับผู้สนใจในกระบวนการผลิตอัญมณีโดยเริ่มตั้งแต่แหล่งที่มาและขั้นตอนการเพิ่มมูลค่าจากโรงงานผลิตอัญมณี พร้อมทั้งนำเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทางประวัติศาสตร์และแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ


มีการออกร้านจำหน่ายสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับจากโรงงาน ผู้ประกอบการของทุกองค์กรในภาคอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับในจังหวัดจันทบุรีกว่า 150 บูธ มีกิจกรรมส่งเสริมการขายชิงโชคอัญมณีและเครื่องประดับ

รวบรวมร้านจำหน่ายอาหารพื้นเมืองจันท์รสเลิศ ร้านจำหน่ายผักปลอดสารพิษจากวังแซ้ม แหล่งเกษตรอินทรีย์ขึ้นชื่อของจังหวัดจันทบุรี สินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น (OTOP) ระดับ 4–5 ดาว และในปีนี้มีการเพิ่มสีสันของงานด้วยการรับ–ส่งผู้เข้าชมงานจาก จุดจอดรถด้วยรถม้าและรถรางด้วย


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-3930-3118 ถึง 9

ชวนท่องเที่ยวอุทัยธานี

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ วันมรดกโลกห้วยขาแข้ง

งาน “วันมรดกโลกห้วยขาแข้ง” ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำในวันที่ 7–10 ธันวาคมของทุกปี เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นผืนป่าอันยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศไทย ประกอบด้วย ผืนป่าอนุรักษ์ 3 แห่ง ได้แก่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าด้านตะวันออก และ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 6,222 ตารางกิโลเมตร หรือ 3,888,750 ไร่ ในเขตจังหวัดอุทัยธานี จังหวัดตาก และจังหวัดกาญจนบุรี

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง อยู่ในพื้นที่ 6 อำเภอ ของ 3 จังหวัด ได้แก่ อำเภอบ้านไร่ อำเภอลานสัก อำเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี อำเภอสังขละบุรี อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี และอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก นับเป็นป่าอนุรักษ์ที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดของประเทศ

ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลมรดกโลก กระทรวงวัฒนธรรม ระบุว่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรและห้วยขาแข้ง ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อปีพุทธศักราช 2534 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่–ห้วยขาแข้ง นับเป็นสถานที่ธรรมชาติแห่งแรกของประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นมรดกโลก

โดยมีคุณสมบัติการเป็นมรดกโลกตรงตามหลักเกณฑ์ข้อที่ 8 ข้อที่ 9 และข้อที่ 10 ดังนี้ หลักเกณฑ์ข้อที่ 8 เป็นตัวอย่างที่เด่นชัด ในการเป็นตัวแทนของขบวนการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทางธรณีวิทยา หรือวิวัฒนาการทางชีววิทยา และปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ต่อสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่กำลังเกิดอยู่ เช่น ภูเขาไฟ เกษตรกรรมขั้นบันได

หลักเกณฑ์ข้อที่ 9 เป็นแหล่งที่เกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่มีเอกลักษณ์หายากหรือสวยงามเป็นพิเศษ เช่น แม่น้ำ น้ำตก ภูเขา หลักเกณฑ์ข้อที่ 10 เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของชนิดสัตว์ และพันธุ์พืชที่หายาก หรือที่ตกอยู่ในสภาวะอันตราย แต่ยังคงสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ซึ่งรวมถึงระบบนิเวศอันเป็นแหล่งรวมความอุดมสมบูรณ์ของพืชและสัตว์ที่ทั่วโลกให้ความสนใจด้วย

อาณาเขตของผืนป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และห้วยขาแข้งทอดยาวอยู่บนแนวเทือกเขาถนนธงชัย เชื่อมต่อกับตอนเหนือของเทือกเขาตะนาวศรี พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสลับซับซ้อน และเป็นต้นธารของแควใหญ่และแควน้อย ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำแม่กลอง

อาณาเขตอันกว้างใหญ่หลายล้านไร่ ที่อุดมสมบูรณ์และความหลากหลายของพืชพันธุ์ ทำให้ผืนป่าแห่งนี้ชุกชุมด้วยสัตว์ป่าน้อยใหญ่ และเป็นถิ่นอาศัยซึ่งสัตว์ป่าสามารถสืบทอดเผ่าพันธุ์ต่อไป

ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และห้วยขาแข้งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหลายชนิด ทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นก สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำและปลา สัตว์หลายประเภทจัดเป็นสัตว์หายาก และกำลังถูกคุกคาม เช่น ควายป่า เสือโคร่ง เสือดำ เสือลายเมฆ วัวแดง กระทิง สมเสร็จ เลียงผา หมาไน ชะนีมือขาว ลิงอ้ายเงี้ยะ นกยูงไทย นกเงือกคอแดง

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรและห้วยขาแข้ง เป็นผืนป่าภายใต้พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2503 (ปรับปรุงแก้ไขปีพุทธศักราช 2535) ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อการคุ้มครองสัตว์ป่าที่นับวันจะลดจำนวนลงไปเรื่อยๆ

จากการที่ได้รับประกาศเป็นมรดกโลก ในวันที่ 9 ธันวาคม 2534 จังหวัดอุทัยธานีร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานี และอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ได้กำหนดจัด งาน “วันมรดกโลกห้วยขาแข้ง” ระหว่างวันที่ 7–10 ธันวาคม ของทุกปี

โดยมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย อาทิ กิจกรรมของนักเรียนและเยาวชนเกี่ยวกับการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กิจกรรมการออกร้านจำหน่ายสินค้าชุมชน กิจกรรมการเดิน–วิ่งมาราธอน กิจกรรมการประกวดธิดามรดกโลก กิจกรรมการแสดงดนตรีอนุรักษ์ผืนป่าตะวันตก กิจกรรมการแข่งขันจักรยานเสือภูเขา และ กิจกรรมการแห่หุ่นสัตว์ป่า ของอำเภอต่างๆ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตอำเภอบ้านไร่ เป็นต้น

นอกจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง และงาน “วันมรดกโลกห้วยขาแข้ง” แล้ว จังหวัดอุทัยธานียังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง ได้แก่ วิถีชุมชนเรือนแพ หมู่บ้านลอยน้ำแหล่งสุดท้ายในประเทศไทย วิถีชีวิตชุมชนชาวลาวครั่ง ลาวเวียง ผู้สืบทอดภูมิปัญญากว่า 200 ปี หมู่บ้านรากไม้ การนำทรัพยากรที่คิดว่าไร้ค่ามาสร้างสรรค์ ชิ้นงาน ระบบนิเวศในป่าหมาก 100 ปี ที่สมบูรณ์ วัฒนธรรมประเพณีที่เก่าแก่ อาหารพื้นบ้านปลอดสารพิษ และเพื่อสุขภาพก็ขอเชิญชวนทุกท่านไปเที่ยวจังหวัดอุทัยธานี ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณปริยวัชร สิงห์เรือง “ไกด์แดง อุทัยธานี” หมายเลขโทรศัพท์ 08-6790-9749