ท่องสวิตเซอร์แลนด์ เที่ยว​ฝรั่งเศส

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ LA TOUR D’ARGENT

เที่ยว​สวิตเซอร์แลนด์​และ​ฝรั่งเศส เพื่อ​ไป​พักผ่อน​ตาม​เมือง​ท่องเที่ยว​ที่​สวย​งาม​ของ​สวิตเซอร์แลนด์ และ​หา​อาหาร​อร่อยๆ รับประทานกับ​ทาง​ไร​น์นิช ท​รา​เวล ก่อน​กลับ​ก็​แวะ​ไป​ช็อปปิ้ง​ที่​ฝรั่งเศส ตลอด​สิบ​กว่า​วัน​คณะ​ของ​เรา​ได้​กิน ได้​เที่ยว​ใน​สถาน​ที่​หรูหรา​อย่าง​ที่​ไม่​เคย​ไป​กับ​ทัวร์​ใด​มา​ก่อน ทำให้​​ทุก​คน​มี​ความ​สุข สนุกสนาน​

เรา​ไป​ถึง​สนาม​บิน​ซู​ริ​ค สวิตเซอร์แลนด์ ​เช้า​วัน​ที่ 7 เมษายน ขึ้น​รถ​โค้ช​ต่อ​ไป​ยัง​เมือง​อุ​น​เดอ​ร์แมท เพื่อ​ไป​นั่งรถไฟ​ก​รา​เ​ซี​ย​เอ็กซ์​เ​พร​ส ที่​มี​หลังคา​เป็น​กระจก​สามารถ​มอง​เห็น​วิว​แบบ​พา​โนรา​มา​รอบ​ทิศ​และ​ยัง​เป็น​เส้นทาง​รถไฟ​ที่​สวย​ที่​สุด​ใน​สวิตเซอร์แลนด์ วิ่ง​ไต่​ไป​ตาม​หุบเขา​ใน​เทือกเขา​แอลป์​ที่​ปกคลุม​ด้วย​หิมะ​สี​ขาว​โพลน ทิวทัศน์​สอง​ข้าง​ทาง​งดงาม​สุด​จะ​พรรณนา จึง​ดึงดูด​สายตา​ทุก​คู่​ของ​ผู้โดยสาร​ให้​หลงใหล​ไป​กับ​ธรรมชาติ​ตลอด​เวลา​สี่​ชั่วโมง ไป​จนถึง​เมือง​ตากอากาศ​ที่​มีชื่อ​เสียง​อันดับ​หนึ่ง​ของ​สวิตเซอร์แลนด์ คือ เมือง​แซง​มอ​ริ​สซ์

เรา​เข้าที่​พัก​และ​รับประทาน​อาหาร​เย็น​ใน​โรงแรม​  จาก​นั้น​ก็​นอน​หลับ​เป็น​ตาย​หลังจาก​เดินทาง​มา​ทั้ง​วัน

วัน​รุ่ง​ขึ้น​คณะ​ของ​เรา​ขึ้น​กระเช้า​ไปยอด​เขา​แซง​มอ​ริ​สซ์ ซึ่ง​เป็น สถาน​ที่​เล่น​สกี​อันดับ​หนึ่ง​ของ​นัก​สกี​ทั่ว​โลก พวก​เรา​ได้​แต่​ถ่ายรูป​เก็บ​ภาพ​สวยๆ กับ​หิมะ​เท่านั้น ไม่​มี​ปัญญา​เล่น​สกี​เพราะ​ไม่​มี​ใคร​เล่น​เป็น  พอได้​สัมผัส​หิมะ​จน​ออก​อาการ​หนาว​สั่น ​ก็​พา​กัน​ลง​มา​เดิน​เล่น​ใน​ เมือง​แซง​มอ​ริ​สซ์ ถ่ายรูป​หน้า​โบสถ์​เซน​ต์​ปีเตอร์​อายุ 1,000 ปี ​ที่​ตั้ง​เด่น​เป็น​สง่า​อยู่​ใจกลาง​เมือง

อาหาร​กลางวัน​มื้อ​นี้ ​ได้​กินที่​ร้าน​อาหาร​ไทย​ที่​พ่อครัว​เป็น​คน​ไทย ​จึง​เอร็ดอร่อย​กับต้ม​ข่า​ไก่ ยำ​เนื้อ​ย่าง พล่า​กุ้ง แกง​เขียว​หวาน​ไก่ ไข่​เจียว​กับข้าว​สวย​ร้อนๆ ไม่​นึก​เลย​ว่าที่​แซง​มอ​ริ​สซ์​จะ​มี​อาหาร​ไทย​แท้ๆ ให้​กิน

จาก​นั้น​เรา​เดินทาง​ไป​เมือง​ลูเ​ซิ​ร์น​ แวะ​กิน​ข้าว​กลางวัน​ที่​ภัตตาคาร​จีน พัก​ที่​ โรงแรม 5 ดาว ชื่อ​พา​เลส ติด​ทะเลสาบ​เ​วี​ย​วา​ลด์สแตร์ทเ​ตอ​ร์ หลังจาก​เก็บ​สัมภาระ​เรียบร้อย​แล้ว​ ก็ได้​เวลา​ไป​กิน​มื้อ​ค่ำ​สุด​หรู​ที่​ ภัตตาคาร​พื้นเมือง​สวิส ชื่อ โอ​ลด์สวิส​เฮ้าส์ ซึ่ง​เป็น​ร้าน​เก่า​แก่​ตั้ง​มา​ตั้งแต่​ปี ค.ศ.1859 (พ.ศ.2402) เวลา​มี​แขก​บ้าน​แขก​เมือง​หรือ​ผู้​นำ​ประเทศ​ต่างๆ มา​เยือน​ลูเ​ซิ​ร์น​เขา​จะ​พา​มา​ที่​ร้าน​นี้ พอ​คณะ​ของ​เรา​ไป​ถึง​เจ้าของ​ร้าน​ออก​มา​ต้อนรับ​ และ​พา​ขึ้น​ไป​ชั้น​บน​ใน​ห้อง​อาหาร ​ที่​ตกแต่ง​แบบ​สมัย​ศตวรรษ​ที่ 17 อุปกรณ์​เครื่อง​ใช้​บน​โต๊ะ​อาหาร​เป็น​เงิน​แท้​มัน​วับ เครื่อง​แก้ว​ค​ริ​สตัล​อย่าง​ดี พนักงาน​เสิร์ฟ​แต่ง​กาย​ชุด​พื้นเมือง​ของ​สวิตเซอร์แลนด์ สำหรับ​อาหาร​นั้น​ไม่​ต้อง​พูด​ถึง​  เริ่ม​จากซุป​ลอบ​สเ​ตอ​ร์​กับ​คอน​ยัค แกะ หรือ เนื้อ​ย่าง หรือ​จะ​เป็น​ปลา​ก็​มี​ให้​เลือก ของหวาน​เป็น​ช็อกโกแลต​มูส​วิป​ครีม และ​มี​ไวน์​อย่าง​ดี​ให้​ดื่ม​กิน​กัน​กับ​อาหาร​ที่​แสน​อร่อย​ใน​บรรยากาศ​ที่​ย้อน​ยุค เหมือนกับ​ไป​นั่ง​กิน​ใน​สมัย​กลาง​ของ​ยุโรป ก่อน​กลับ​เจ้าของ​ร้าน​นำ ​ภาพ​พระฉายา​ลักษณ์​ของ​สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เมื่อ​ครั้ง​เสด็จฯ​ มา​เสวย​พระกระยาหาร​ที่​ร้าน​นี้ มา​แจก​ให้​พวก​เรา​ทุก​คน​เป็น​ที่​ระลึก

มา​ถึง​ลูเ​ซิ​ร์น​แล้ว​ ต้อง​ไป​ถ่ายรูป​ที่​สะพาน​วิหาร​ หรือ​สะพาน​ไม้​เก่า​แก่​อายุ​กว่า 400 ปี และ​แวะ​ชม​แหล่ง​ผลิต​และ​จำหน่าย​นาฬิกา​ยี่ห้อ​ดัง ซึ่ง​บาง​คนใน​คณะ​ก็ได้​ซื้อ​หา​ติดมือ​กลับ​มา​ด้วย หลังจาก​ที่​คณะ​ของ​เรา​ได้​ชื่นชม​กัน​จน​พอใจ​แล้ว​ ก็​เตรียมตัว​เดินทาง​ต่อ​ไป​ยัง​เมือง​โล​ซา​นน์ เมือง​ที่​คน​ไทย​รู้จัก​กัน​ดี ​เพราะ​พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว​รัชกาล​ที่ 8 และ ​รัชกาล​ปัจจุบัน ​เคย​ประทับ​อยู่​ที่​เมือง​นี้​สมัย​ยัง​ทรง​พระ​เยาว์​จน​จบ​การ​ศึกษา คณะ​ของ​เรา​จึง​ไป​ถ่ายรูป​หน้า​แฟลต​ที่​ประทับ​เลข​ที่ 16 เป็น​ที่​ระลึก

ทุก​ครั้ง​ที่​มา​โล​ซา​นน์​ต้อง​ไป​พัก​ที่​โรงแรม​โบ​ริ​วา​จ​พา​เลส เป็น​โรงแรม​หรู​ระดับ 5 ดาว ติด​ทะเลสาบ​เ​ลอม​องต์ โรงแรม​นี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว​และ​พระ​ราชินี เสด็จประทับ​ระหว่าง​เยือน​ประเทศ​ใน​แถบ​ยุโรป พอ​คณะ​ของ​เรา​ไป​พัก​ผู้จัดการ​โรงแรม​นำ​สมุด​ ที่​ทั้ง​สอง​พระองค์ทรง​ลงพระนาม​ไว้​เมื่อ​วัน​ที่  10-17  มกราคม  2504  มา​ให้​เรา​ดู

จาก​โล​ซา​นน์​เรา​เดินทาง​ไป​เที่ยว​ที่เจนีวา  ไป​ชม​ น้ำพุ​จรวด​สัญลักษณ์​ของ​เจนีวา และ​ที่​ขาด​ไม่ได้​คือ ล่อง​เรือ​ชม​วิว​ทะเลสาบ​เจนีวา​ ที่​สวย​งาม  ​เพราะ​มี​คฤหาสน์​และ​บ้าน​ของ​เศรษฐี​ตั้ง​อยู่​เรียงราย​โดย​รอบ 

อาหาร​กลางวัน​นี้ ​คณะ​ของ​เรา​ได้​ไป​รับประทาน​อาหาร​ที่​ร้าน​ที่​ดัง​ที่สุด​ใน​เจนีวา คือ ร้าน​คา​เฟ​เดอ​ปา​รี​ส์ (Cafe' de Paris) ที่​ขายเฉพาะ​สเต๊ก​เนื้อ​คา​เฟ​เดอ​ปา​รี​ส์​อย่าง​เดียว ไม่​มี​เมนู​อย่าง​อื่น​และ​ไม่​รับ​จอง ใคร​อยาก​กิน​ต้อง​ไป​ยืน​เข้า​แถว​หน้า​ร้าน​เท่านั้น ใคร​มา​ก่อน​ได้​ก่อน​ และ​ไม่​สน​ว่า​จะ​เป็น​ใคร​มา​จาก​ไหน แต่ทว่า​ คุณ​สันติ ลีลา​ทิพย์​กุล เจ้าของไรน์นิช ท​รา​เวล ผู้​มาก​ประสบการณ์​และ​อยาก​ให้​ลูก​ทัวร์​ได้​กิน​ของ​ดีๆ จึง​ทำ​ทุก​วิถี​ทาง​จน​สามารถ​พา​พวก​เรา​ทั้ง 23 คน ไป​นั่ง​กินที่​ร้าน​โดย​ไม่​ต้อง​ยืน​เข้า​แถว (ส่วน​อีก 10 คน ไม่​กิน​เนื้อ​ ก็​ไป​กิน​ร้าน​อื่น​แทน) ร้าน​คา​เฟ​เดอ​ปา​รี​ส์ ​มีชื่อ​เสียง​เรื่อง​ซอส​ที่​เสิร์ฟ​มา​กับ​สเต๊ก คือ ซอส​ที่​ใส่​ผง​กะหรี่ ซึ่ง​เป็น​เอกลักษณ์​สืบ​ทอด​มา​ตั้งแต่​ตั้ง​ร้าน  เวลา​กิน​เขา​จะ​เอา​เนื้อ​ไป​ย่าง​ก่อน​พอ​สุก​นิดหน่อย จาก​นั้น​นำ​มา​วาง​ใน​จาน​เปล​ใบ​ใหญ่​ ที่​มี​ซอส​คา​เฟ​เดอ​ปา​รี​ส์ ยก​จาน​มา​ตั้ง​บน​เตา​ให้​เรา​ย่าง​ต่อ ใคร​อยาก​กิน​แบบ​สุก​มาก​สุก​น้อย​ก็​เลือก​เอา​เอง แต่​ขอบ​อก​ว่า​เนื้อ​นุ่มๆ กับ​ซอส​ที่​มี​ทั้ง​มัน​ทั้ง​หอม​อร่อย​จน​ฝัน​ถึง พอ​กิน​เนื้อ​หมด​แล้ว​ ต้อง​ฉีก​ขนม​ปัง​กวาด​ซอส​ที่​เหลือ​ให้​หมด​เกลี้ยง​จาน​ให้​สม​กับ​ความ​อร่อย อิ่มหนำสำราญ​แล้ว​ก็​ไป​เดิน​ย่อย​อาหาร หา​ของ​ฝาก​ของ​ที่​ระลึก​ต่อ​และ​แวะ​ชม​สถาน​ที่​สำคัญ เช่น  ที่ทำการ​สหประชาชาติ  นาฬิกา​ดอกไม้  พิพิธภัณฑ์​นาฬิกา​ปา​เต๊กฟิลลิป

พูด​ถึง​การ​รับประทาน​อาหาร​ชั้น​เลิศ​ ทั้ง​ใน​สวิตเซอร์แลนด์​และ​ฝรั่งเศส เช่น อาหาร​ค่ำ​ที่ เมือง​เ​วอ​เว่ย์ ​แหล่ง​ปลูก​องุ่น​สำหรับ​ทำ​ไวน์​ ที่​สำคัญ​ของ​สวิตเซอร์แลนด์ คือ ฟอง​ดู​ว์​และ​แรค​เคล็ด  (Raclette)  สำหรับ​ฟอง​ดู​ว์ หลาย​คน​คง​รู้จัก​กัน​ดีแล้ว แต่​แรค​เคล็ด​อาหาร​ประจำ​ชาติ​สวิตเซอร์แลนด์ ไม่ค่อย​มี​ใคร​รู้จัก คือ เนย​แข็ง​ที่​มี​รูปร่าง​เหมือน​เขียง​ไม้​หนาๆ กลมๆ เวลา​จะ​รับประทาน​ก็​ใช้​ไฟ​ลน​จน​ละลาย​แล้ว​จึง​เอา​มีด​ปาด​ส่วน​ที่​เนย​ละลาย​ใส่​ลง​มา​ใน​จาน เรา​ต้อง​กิน​ตอน​ร้อนๆ แกล้ม​กับ​หอม​ดอง แตงกวา​ดอง และ​มันฝรั่ง​หัว​เล็กๆ อบ​ทั้ง​เปลือก อร่อย​อย่า​บอก​ใคร กิน​อาหาร​อร่อยๆ แล้ว​ก็​ต้อง​นอน​ โรงแรม​ที่​ดี​ที่สุด​และ​มี​วิว​ที่​สวย​ที่สุด​บน​ยอด​เขา คือ โรงแรม LE MIRADOR KEMPIN SKY HOTEL ทุก​ห้อง​จะ​มอง​เห็น​ยอด​เขา​ที่​ปกคลุม​ด้วย​หิมะ และ​ทะเลสาบ​เป็น​แนว​ยาว​สุด​ลูก​หู​ลูก​ตา มัน​ช่าง​มี​ความ​สุข​เสีย​เหลือเกิน

จาก​สวิตเซอร์แลนด์ เรา​นั่ง​รถ​ข้าม​เขตแดน​มา​ที่​ฝรั่งเศส​สู่ แค​ว้น​อัลซา​ส แวะ​ชิม​ไวน์​ที่​มีชื่อ​เสียง​ของ​ที่​นี่  ผ่าน​มา​ที่ เมือง​มูลูซ​เพื่อ​ชม​พิพิธภัณฑ์​รถยนต์​แห่งชาติ​  ที่​มี​รถยนต์​โบราณ​มากมาย​หลาย​ยี่ห้อ เช่น รถ​บู​แก​ตติ​โรลส์รอย​ซ์  และ​เดินทาง​ต่อ​ไป​ยัง  เมือง​ส​ตรา​สบูร์ก เมืองหลวง​ของ​แคว้น​อัล​ซา​ส ที่​มี​สอง​วัฒนธรรม​คือ​ฝรั่งเศส​และ​เยอรมัน​ผสมผสาน​กัน ชม​ความ​สวย​งาม​ของ ​มหาวิหาร​แห่ง​ส​ตรา​สบูร์ก ​ที่​งดงาม​และ​สูง​ที่สุด​ใน​ยุโรป​ตะวัน​ตก ล่อง​เรือ​ใน​แม่น้ำ​อิลล์ และ​เดิน​ชม​ย่าน ​เมือง​เก่า​ที่​มี​บ้านเรือน​โบราณ​แบบ​โกธิค คือ​บ้าน​ที่​มี​ฝา​เป็น​ไม้​ประดับ​อยู่​ตั้ง​เรียงราย​อยู่​ริม​คลอง จาก​นั้น​เรา​ก็​ขึ้น​ไป​ชม ​ปราสาท​เ​คอนิกส์​ซูลิค ปราสาท​ต้นแบบ​ของ Lord of The Rings ถือ​เป็น​สุด​ยอด​ปราสาท​อันดับ 1 จาก​การ​จัด​อันดับ​ปราสาท​กว่า 500 แห่ง​ของ​แคว้น​อัล​ซา​ส ที่​ยัง​อนุรักษ์​ไว้​เป็น​อย่าง​ดี

จาก​เมือง​ส​ตราสบูร์ก เรา​ขึ้น​รถไฟ TGV ความเร็ว​สูง 320 กม./ชม. รุ่น​ใหม่​ล่า​สุด มุ่ง​สู่​ มหานคร​ปารีส เพื่อ​ไป​รับประทาน​อาหาร​ค่ำ ณ ภัตตาคาร​หอคอย​เงิน​ตู​ร์​ดา​จอง (LA TOUR D’ARGENT) หรือ​ภัตตาคาร​เป็ด​น​โป​เลียน ที่​มีชื่อ​เสียง​ที่สุด​ของ​ปารีส เปิด​มา​ตั้งแต่​ปี ค.ศ.1582 (500 ปี​มา​แล้ว) ตั้งแต่​สมัยน​โป​เลียน ซึ่ง​เป็น​ร้าน​ขึ้นชื่อ​ ที่​บุคคล​สำคัญ​จาก​ทั่ว​โลก​ต้อง​มา​รับประทาน​ทุก​ครั้ง​ที่มา​เยือน​ฝรั่งเศส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาล​ที่ 5 เคย​เสด็จฯ มา​เสวย​ที่​ภัตตาคาร​นี้​ เมื่อ​วัน​ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ.2450 เป็ด​ที่​นี่​มี​เบอร์​หมายความ​ว่า เป็ด​ตัว​แรก​ที่​น​โป​เลียน​กิน​นับ​เป็น​เป็ด​ตัว​ที่ 1 แต่​วัน​ที่​ไป​กิน​​ได้​เบอร์ 1,097,792 ซึ่ง​ทาง​ร้าน​จะ​แจก​โปสต์การ์ด​ที่​มี​เบอร์​ให้​แก่​ลูกค้า​ทุก​คน เพื่อ​เก็บ​ไว้​เป็น​ที่​ระลึก​ว่า​ครั้ง​หนึ่ง​เคย​มา​รับประทาน​ที่​ภัตตาคาร​แห่ง​นี้

เรา​อยู่​ปารีส 2 วัน ได้​ไป​เดิน​เล่น​แถว ​ชอง​เอ​ลิเซ่ และ​ไป​เยี่ยมเยียน​ร้าน​ดิวตี้​ฟรี ปารีส​ลุ​ค ของ​คน​ไทย รับประทาน​อาหาร​กลางวัน​ที่​ชั้น 58 บน​หอ​ไอ​เฟล ก่อน​กลับ​ได้​ไป​ชม​ บ้าน​โมเน่ต์ ศิลปิน​ผู้​โด่งดัง​ใน​การ​วาด​ภาพ อิมเ​พรสชั่นนิสต์ ที่​ เมือง​จิ​วา​นี เป็นอัน​จบ​การ​เดินทาง​ไป​พักผ่อนกลับ​กรุงเทพ​ฯ ด้วย​ความ​อิ่มเอิบ​ใจ ไป​เที่ยว​ครั้ง​นี้ ถือ​เป็น​การ​ไป​ชาร์จ​แบตเตอรี่​ให้​ตัว​เอง 

พิพิธภัณฑ์​พระ​บรม​ราช​ชนก ที่​โรงพยาบาล​แมค​คอ​ร์​มิ​ค


เมื่อ 80 กว่า​ปี​ที่​แล้ว เชียงใหม่​นับ​ว่า​เป็น​ดิน​แดน​ที่​ห่างไกล​และ​กันดาร  แต่พระเจ้าลูกยาเธอ​ของ​พระบาท​สมเด็จ​พระ​จุลจอมเกล้า​เจ้า​อยู่​หัว ทรง​อุทิศ​พระองค์​ไป​ทรง​งาน​หนัก​ที่​เมือง​ไกล ใน​ฐานะ​แพทย์​คน​หนึ่ง ซึ่ง​ชาว​เชียงใหม่​เรียก​พระองค์​ท่าน​ว่า “หมอ​เจ้าฟ้า”

หมอ​เจ้าฟ้า​พระองค์​นี้​คือ สมเด็จ​พระ​มหิต​ลา​ธิเบ​ศร อ​ดุลยเดช​วิกรม พระ​บรม​ราชชนก หรือ​สมเด็จ​พระราชบิดา​ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว​รัชกาล​ปัจจุบัน พระองค์​ทรง​จบ​การ​ศึกษา​ด้าน​วิชาการ​ทหาร​เรือ จาก​ประเทศ​เยอรมนี และ​ทรงรับ​ราชการ​ใน​กองทัพ​เรือ​ไทย แต่​ทรง​สน​พระทัย​ทาง​ด้าน​การ​แพทย์ พระองค์​จึง​ทรง​เข้า​ศึกษา​วิชา​สาธารณสุข​ศาสตร์และ​วิชา​แพทยศาสตร์ โดย​ได้​รับ​ประกาศนียบัตร​สาธารณสุข จาก​โรงเรียน​สาธารณสุข ซึ่ง​จัดตั้ง​ขึ้น​โดย​ความ​ร่วมมือ​ระหว่าง​มหาวิทยาลัย​ฮา​ร์​วา​ร์ด​ และ​สถาบัน​เทคโนโลยี​แห่ง​แมส​ซา​ชู​เสต​ต์ และ​ทรง​ได้​รับ​ปริญญา​แพทยศาสตรดุษฎีบัณฑิต เกียรตินิยม จากมหาวิทยาลัย​ฮา​ร์​วา​ร์ด ประเทศ​สหรัฐอเมริกา

ตลอด​ระยะ​เวลา​ที่​​ประทับ​อยู่​ที่​สหรัฐอเมริกา ทรง​อยู่​ใน​ฐานะ​สามัญ​ชนกับ​พระราชชนนี ใน​นาม​มิสเตอร์​และ​มิส​ซิส​มหิดล สงขลา ทรงบริจาค​เงิน​ช่วยเหลือ​นักศึกษาทั้ง​ชาว​ไทย และ​ชาวอเมริกัน และ​เม็ก​ซิ​กัน​เป็น​จำนวน​มาก ทรง​เหลือ​ไว้​ใช้​จ่าย​ส่วน​พระองค์​แต่​พอดี


เมื่อ​เสด็จกลับ​ประเทศไทย พระองค์​ทรง​ทุ่มเท​ทั้ง​กำลัง​พระวรกาย และ​พระ​ราช​ทรัพย์​เพื่อ​สนับสนุน​วงการ​แพทย์​ไทย พระราชทาน​พระ​ราช​ทรัพย์​เพื่อ​การ​ก่อสร้างและ​ทุน​การ​ศึกษา​ของ​นักเรียน​แพทย์​จำนวน​มาก ก่อ​ให้​เกิด​ประโยชน์​ต่อ​วงการ​แพทย์​ไทย​เป็น​อย่าง​มาก

ใน​ปี พ.ศ.2467 นาย​แพทย์​เอ็ด​วิน ซีคอ​ร์ท ผู้​อำนวยการ​โรงพยาบาล​แมค​คอ​ร์​มิ​ค ได้​กราบทูล​เชิญเสด็จ​เปิด​โรงพยาบาล​แมคคอร์มิ​คของ​คณะ​มิชชั่น ทรง​ตอบ​รับ​และ​ทรง​มี​พระราชประสงค์​เสด็จ​ไป​เชียงใหม่​เป็น​การ​ส่วน​พระองค์ โดย​ทรง​ใช้​พระ​ราช​ทรัพย์​ของ​พระองค์​เอง เพราะ​ทรง​เกรง​ว่า​รัฐบาล​จะ​สิ้น​เปลือง​เกิน​ความ​จำเป็น​ใน​การ​จัดการ​รับรอง


ใน​วัน​ที่ 13 มกราคม พ.ศ.2467 พระองค์เสด็จ​ทำ​พิธี​เปิด​โรงพยาบาล​แมค​คอ​ร์​มิ​ค ท่ามกลาง​ชาว​เชียงใหม่​และ​ชาว​ต่าง​ประเทศ​ที่มา​ชุมนุม​กัน​อย่าง​คับคั่ง ทรง​เห็น​ว่า​โรงพยาบาล​แมค​คอ​ร์​มิ​ค​ใน​เวลา​นั้น ​มี​นาย​แพทย์ อี.ซี.คอ​ร์ท เป็น​นาย​แพทย์​เพียง​ผู้​เดียว ใน​ปี​ต่อ​มา​ได้​พระราชทาน​เงิน​อุดหนุนเป็น​เวลา​สี่​ปี​ให้​แก่​นาย​แพทย์​เฮ​น​รี่ อาร์.โอ.ไบรอัน เพื่อ​มา​ร่วม​ทำ​งาน​ที่​โรงพยาบาล​แมค​คอ​ร์​มิ​ค

นอกจาก​นั้น​ ตรัส​ถามนาย​แพทย์ อี.ซี.คอ​ร์ทว่า ถ้า​ทรง​ได้​รับ​พระราชทาน​พระ​บรม​ราชานุญาต​จาก พระบาท​สมเด็จ​พระมงกุฎเกล้า​เจ้า​อยู่​หัว แล้ว​จะ​ยอม​ให้​ทรง​งาน​ใน​โรงพยาบาล​แมค​คอร์มิ​ค​หรือ​ไม่ ซึ่ง​นาย​แพทย์ อี.ซี.คอ​ร์ทตอบ​รับ​พระกรุณา​ด้วย​ความ​ยินดี​เป็น​อย่าง​ยิ่ง


เมื่อ​ทรง​ได้​รับ​พระ​ราชา​นุญาต​แล้ว จึง​เสด็จ​ไป​ปฏิบัติ​หน้าที่​แพทย์​ที่​โรงพยาบาล​แมค​คอ​ร์​มิ​ค จังหวัด​เชียงใหม่ นาย​แพทย์​จันทร์​แดง เมธา หนึ่ง​ใน​ทีม​แพทย์​ที่​ได้​รับ​การ​ฝึกฝน​จาก​นาย​แพทย์ อี.ซี.คอ​ร์ท ได้​บันทึก​เรื่อง​นี้​ไว้​ว่า “รุ่งเช้า เวลา​เจ็ด​นาฬิกา ของ​วัน​ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2472 ชาว​แมค​คอ​ร์​มิ​ค​ยืน​คอย​กัน​อยู่ มอง​ไป​ยัง​บ้าน​หมอ​คอ​ร์ท​ซึ่ง​อยู่​ไม่​ไกล ไม่​เห็น​มี​ทหาร ตำรวจ หรือ​องครักษ์ กองเกียรติยศ หรือ​ผู้​ติดตาม บ้าน​ของ​หมอ​คอ​ร์ท​ก็​ยัง​เงียบ​เหมือน​ไม่​มี​อะไร​เกิด​ขึ้น พอ​ถึง​เวลา​แปด​นาฬิกา หมอ​คอ​ร์ท​เดิน​เข้า​ประตู​โรงพยาบาล มี​ชาย​ไทย​คน​หนึ่ง​เดิน​เคียง​ข้าง​มา​ด้วย ชาย​ผู้​นั้น​สวม​เสื้อ​ราชปะแตน​สี​ขาว ไม่​มี​เหรียญ​ตรา​อะไร​ติด​อก​แม้แต่​เหรียญ​เดียว สวม​กางเกง​ฝรั่ง​สี​ขาว สวม​หมวก​บน​ศีรษะ​อย่าง​คน​อังกฤษ เมื่อ​เดิน​เข้า​มา​ถึง​แถว​ที่​ชาว​แมค​คอ​ร์​มิ​ค​ยืน​อยู่ หมอ​คอ​ร์ท​ ก็​บอก​ว่า “พระองค์​ท่าน​เสด็จ​มา​ถึง​เรา​แล้ว”


หลังจาก​นั้น​พระองค์​ก็​เสด็จเข้า​ตึก​ผู้​ป่วย พวก​ที่​ติดตาม​ไป​ด้วย​คิด​ว่า​พระองค์​ท่าน​จะ​เพียง​ทอด​พระเนตร​หมอ​คอ​ร์ท​ตรวจ​ผู้​ป่วย แต่​พระองค์​ท่าน​หา​เป็น​เช่น​นั้น​ไม่ พระองค์​ท่าน​ทรง​ล้วง​กระเป๋า​ฉลองพระองค์​หยิบ​หู​ฟัง​ขึ้น​มา แล้ว​ทรง​เปิด​เสื้อ​ผู้​ป่วย​อย่าง​คล่องแคล่ว ทรง​เปิด​หนัง​ตา​ของ​ผู้​ป่วย ทอดพระเนตร​ที่​ตาขาว พวก​ที่​ติดตาม​มา​หัน​มา​มอง​หน้า​กัน​อย่าง​ภาคภูมิ​ใจ​เป็นอัน​มาก พระองค์​ทรง​เปิด​ท้อง​ผู้​ป่วย ทรง​เคาะ และ​ รับ​สั่ง​กับหมอ​คอร์​ทว่า “มาลาเรีย​ที่​นี่​ชุกชุม​เต็มที​นะ” หมอ​คอ​ร์ท​กราบทูล​ว่า ชุกชุม​อย่าง​น่า​กลัว ผู้​ป่วย​บาง​คน​มี​แผล ผู้​ติดตาม​จะ​เปิด​แผล​ผู้​ป่วย​ให้ แต่​พระองค์​ท่าน​ยื่น​พระหัตถ์​เปิด​แผล​ด้วย​พระองค์​เอง เมื่อ​ทรง​ตรวจ​ผู้​ป่วย​ที่​ตึก​แล้ว ​ก็​เป็น​เวลา​สิบ​นาฬิกา พระองค์​ท่าน​เสด็จออก​ตรวจ​ผู้​ป่วย​นอก ซึ่ง​อยู่​อีก​ตึก​หนึ่ง ผู้​ป่วย​ที่​นี่​แต่งตัว​สกปรก​มอมแมม ไม่​เหมือน​ผู้​ป่วย​ที่​กรุงเทพฯ บาง​คน​บาดแผล​มี​กลิ่น​แรง  เด็กๆ ร้อง​เสียง​ดัง แต่​พระองค์​ท่าน​ไม่​ทรง​รังเกียจ​แต่​ประการ​ใด”

พระ​ราช​จริยวัตร​นี้​เป็น​ที่​ประทับใจ​นาย​แพทย์ อี.ซี. คอ​ร์ท เป็น​ยิ่ง​นัก จึง​ได้​บันทึก​เรื่องราว​กล่าว​ถึง​พระองค์​ว่า “พระองค์​ท่าน​ไม่​ทรง​ปฏิบัติ​งาน​แพทย์​อย่าง​นัก​สมัคร​เล่น​บาง​คน​คิด แต่​ด้วย​ความ​สน​พระทัย​วิชาการ​อย่าง​แท้จริง และเห็น​ว่า​ทรง​โปรด​งาน​นี้​เป็น​อย่าง​ยิ่ง”

พระองค์​ทรง​สน​พระทัย​ผู้​ป่วย​อย่าง​จริงจัง ผู้​ป่วย​ที่​มี​ปัญหา​ทาง​ลำ​ไส้ ก็​จะ​ส่ง​อุจจาระ​ไป​ที่​แล็บ​ทันที เสด็จ​ดู​งาน​ที่​ห้องแล็บ ทรง​กล้องจุลทรรศน์ และ​ทรง​รักษา​ผู้​ป่วย​ด้วย​พระองค์​เอง ใน​ราย​ที่​พระองค์​สงสัย​ว่า​เป็น​วัณโรค พระองค์​จะ​นำ​เสมหะ​ไป​ย้อม​สี​เอง เพราะ​โรงพยาบาล​ยัง​ไม่​มี​เครื่อง​เอกซเรย์ และ​เจ้าหน้าที่​ยัง​ไม่​มี​ความ​เชี่ยวชาญ


พระองค์​เข้า​ร่วม​ผ่า​ตัด​กับ​นาย​แพทย์​คอ​ร์ท​เสมอ พระองค์​ทรง​สน​พระทัย​ผู้​ป่วย​เด็ก​เป็น​พิเศษ คราว​หนึ่ง​ขณะ​เสด็จ​เยี่ยม​โรง​เลี้ยง​เด็ก​ของ​โรงพยาบาล ทรง​พบ​ว่า​หัวนม​ของ​ขวด​นม​ค่อนข้าง​ใหญ่​ไม่​เหมาะ​สำหรับ​เด็ก ทรง​ให้​เปลี่ยน​ให้​มี​ขนาด​ที่​เหมาะสม

ก่อน​เสด็จ​บรรทม ทรง​ถือ​ไฟฉาย​แล้ว​เสด็จ​ไป​ตาม​เตียง​ของ​ผู้​ป่วย พร้อม​กับ​สอบ​ถาม​อาการแล้ว​ จึง​เสด็จกลับ​บ้าน​นาย​แพทย์​คอ​ร์ท แม้​กลางดึก​ก็​ทรง​ลุก​จาก​ที่​บรรทม​มา​ดู​คนไข้​กับ​นาย​แพทย์​คอร์ท และ​ใน​วัน​ที่​นาย​แพทย์​คอ​ร์ท​ไม่​อยู่​​ ตรัส​สั่ง​ให้​พยาบาล​ตาม​พระองค์​ได้​ทุก​เวลา​หาก​มี​คนไข้​มาหา

มี​คนไข้​ราย​หนึ่ง​ชื่อ​เด็กชาย​บุญ​ยิ่ง ถูก​ปืน​ลั่น​เข้าที่​รักแร้ ลูกปืน​ฝัง​ใน เสีย​เลือด​มาก พระองค์​ทรง​ผ่า​ตัด​แขน และ​ถ่าย​เลือด ซึ่ง​เป็น​การ​ถ่ายเลือด​ครั้ง​แรก​ของ​โรงพยาบาล มี​ผู้​รับ​อาสา​มากมาย พระองค์​ทรง​หา​หมู่​เลือด​ที่​เข้า​กัน​ได้ และ​ทรง​เจาะ​พระโลหิต​ของ​พระองค์​ตรวจ​หา​ด้วย แต่ใน​สมัย​นั้น​ยัง​ไม่​มี​ยา​ปฏิชีวนะ​ที่​มี​คุณภาพ เด็กคนนั้น​เสีย​ชีวิต​เพราะ​กระแส​โลหิต​เป็น​พิษ พระองค์ทรง​เฝ้า​ดู​จน​วาระ​สุดท้าย​ของ​เด็ก​นั้น พระเมตตาของ​หมอ​เจ้าฟ้า เป็น​ที่​โจษ​ขาน​ไป​ทั่ว​ทั้ง​เมือง​เชียงใหม่


ที่​ประทับ​ของ​พระองค์คือ ห้อง​หนึ่ง​ใน​ตึก​ที่​นาย​แพทย์​คอ​ร์ท​พัก​อาศัย ไม่ได้​มี​มหาดเล็ก ​หรือ​ทหาร​รับ​ใช้​แม้แต่​คน​เดียว ทรง​เสวย​แบบ​ธรรมดา โดย​ภรรยา​ของ​นาย​แพทย์​คอ​ร์ท​เป็น​ผู้​ทำ​อาหาร​ถวาย นาย​แพทย์​คอ​ร์ท​เขียน​ถึง​พระองค์​ว่า “วัน​หนึ่ง​ภรรยา​ของ​ข้าพเจ้า​ทูล​ว่า​ถุงพระบาท​ขาด จะ​ขอรับ​ชุน​ถวาย ทรง​ยิ้ม​และ​รับสั่ง​ว่า​พระองค์​ไม่​เคย​ใช้​ถุง​แพง ​เพราะ​ไม่​มี​เงิน​ซื้อ ข้อ​นี้​เป็น​ความ​จริง​เพราะ​ทรง​ใช้​เงิน​ช่วย​ผู้​อื่น​แทบ​ทั้งหมด 

นอกจาก​ เสด็จ​มา​ทรง​งาน พระองค์​ยัง​พระราชทาน​เงิน 3,000 เหรียญ​สหรัฐฯ ​ให้​กับ​โรงพยาบาล​แมค​คอ​ร์​มิ​ค เพื่อ​ซื้อ​เครื่อง​เอกซเรย์ ซึ่ง​นับเป็น​เครื่อง​แรก​ที่​มี​ใช้​ใน​ภูมิภาค”

พระองค์​ทรง​ปฏิบัติ​หน้าที่​แพทย์​ประจำ​บ้าน​ได้​เพียง​สาม​สัปดาห์ ก็​ต้อง​เสด็จ​นิวัตพระนคร เพื่อ​ร่วม​ใน​งาน​พระ​เมรุ​ สมเด็จ​พระปิตุลา​บรมพงษาภิมุข เจ้าฟ้า​กรม​พระยา​ภาณุ​พัน​ธุ​วงศ์​วร​เดช หลังจาก​สิ้น​พระ​ราช​พิธี​ถวายพระเพลิง​แล้ว พระองค์​ทรง​มี​พระ​อาการ​ประชวร และ​สิ้นพระชนม์ ใน​วัน​ที่ 24 กันยายน พ.ศ.2472

แม้​ทรง​เสด็จ​สู่​สวรร​คา​ลัย แต่​พระ​ราชกรณียกิจและ​พระ​จริยวัตร​อัน​งดงาม​ของ​หมอ​เจ้าฟ้า ก็​ยัง​เป็น​ที่​เล่า​ขาน​ไม่​มี​วัน​จบ​สิ้น


พิพิธภัณฑ์​พระ​บรม​ราช​ชนก เป็น​แหล่ง​เรียนรู้​ที่​น่า​สนใจ​อีก​แห่ง​หนึ่ง​ใน​เมือง​เชียงใหม่ ที่​คน​รุ่น​หลัง​จะ​ได้​ใช้​ศึกษา​หาความ​รู้​เกี่ยว​กับ​เรื่องราว​ใน​อดีต​สืบ​ต่อ​ไป