ไปจันทบุรีมาเมื่อเดือนก่อน เพื่อไปเยี่ยมชมค่ายทหารฝรั่งเศส เมื่อสมัยมายึดครองจันทบุรี เมื่อปี พ.ศ.2436 ซึ่งตรงกับสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5)
ในครั้งกระนั้นเป็นยุคการล่าอาณานิคมหรือล่าเมืองขึ้น ฝรั่งเศสได้เข้ามายึดอินโดจีน คือ ญวน เขมร และลาว จากนั้นก็จะเข้ามารุกรานประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีก โดยเข้ามายึดเมืองขวางซึ่งเป็นดินแดนของไทย แต่พระยอด เจ้าเมืองขวาง ไม่ยอมและได้ปกป้องอธิปไตยของไทย ด้วยการสู้รบกับทหารฝรั่งเศส ทำให้ทหารฝรั่งเศสบาดเจ็บล้มตาย
ด้วยเหตุนี้ฝรั่งเศสจึงใช้กรณีพิพาทกับพระยอด เมืองขวาง มารุกรานไทยด้วยการนำเรือรบ 3 ลำ เข้ามาทางปากน้ำเจ้าพระยาเพื่อปิดอ่าว เมื่อเรือรบทั้ง 3 ลำมาถึงป้อมผีเสื้อสมุทร (จ.สมุทรปราการ) ทหารไทยจึงยิง ทำให้เรือรบฝรั่งเศสเสียหาย
ฝรั่งเศสจึงถือโอกาสนี้เรียกร้องค่า เสียหายจากเรา โดยเราต้องยกดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงให้ฝรั่งเศสเป็นค่าทดแทนปฏิกรณ์สงคราม และถือโอกาสเข้ายึดครองจันทบุรีด้วย ในระหว่างการเจรจาเรียกค่าทดแทน ฝรั่งเศสก็ได้ตั้งค่ายที่จันทบุรีโดยปลูกสร้างอาคาร โรงเรือน ที่พัก คลังอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ
การเจรจาก็ดำเนินไป แต่ฝรั่งเศสไม่ พอใจได้ไปยึดเมืองตราดอีก ทำให้เราต้องยอมยกดินแดนเกาะกงและบางส่วนในเขมรให้ฝรั่งเศสเพิ่มอีกนั่นแหละ การเจรจาจึงสงบลงได้ด้วยพระราชวิเทโศบายของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ยอมเสียส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนใหญ่ไว้ ตรงกับโวหารของไทยว่า "เสียน้อยดีกว่าเสียมาก"
เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นความทรงจำที่เจ็บปวดที่สุดของคนไทยตราบจนทุกวันนี้ แม้คนไทยในสมัยนั้นที่กระด้างกระเดื่องกับทหารฝรั่งเศส ยังถูกจับไปขังคุกขี้ไก่ ที่ตั้งอยู่ที่ อ.แหลมสิงห์ เป็นการแสดงอำนาจบาตรใหญ่ของทหารฝรั่งเศส ที่มีต่อคนไทยเป็นอย่างมาก ทุกวันนี้ใครที่ได้ไปดูคุกขี้ไก่ ยังเศร้าใจแค้นใจไม่หาย ที่ทหารฝรั่งเศส ทรมานคนไทยด้วยการขังไว้ด้านล่าง ส่วนด้านบนเลี้ยงไก่ เวลามันขี้ลงมาก็ต้องคอยหลบ ไหนจะเหม็นขี้ไก่ ไหนต้องหลบไม่ให้โดนหัว ไหนจะสกปรกโสโครก สาหัสเหลือเกิน
ค่ายทหารฝรั่งเศสแห่งนี้ ต่อมาตำรวจตระเวนชายแดนได้เคยเข้ามาใช้อยู่ระยะหนึ่ง จนกระทั่งหน่วยนาวิกโยธิน มาตั้งกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด จึงใช้ค่ายแห่งนี้เป็นที่ตั้งและได้ก่อสร้างอาคารต่างๆ เพิ่มขึ้น แต่ยังคงสิ่งปลูกสร้างเก่าแก่ของฝรั่งเศสเอาไว้ครบทุกหลัง แต่ละหลังได้ก่อสร้างตามแบบ สถาปัตยกรรมของยุโรป คือ ก่ออิฐฉาบปูนเรียบ ตัวอาคารเป็นทรงสี่เหลี่ยมมีลวดลาย มีช่องระบายลม บางอาคารยกพื้นสูง บางอาคารมีห้องใต้ดิน สันนิษฐานว่าเป็นห้องใช้เก็บไวน์ แต่เดิมมีอาคารต่างๆ ดังนี้
- อาคารกองบัญชาการทหารฝรั่งเศส
- อาคารคลังพัสดุ
- อาคารที่พักทหารรักษาการณ์
- อาคารที่คุมขังทหารฝรั่งเศส
- อาคารคลังกระสุนดินดำ
- อาคารกองรักษาการณ์
อาคารที่ยังหลงเหลืออยู่ทั้งหมด ได้รับการดูแลตามแบบทหาร บางอาคารก็ชำรุดเสียหายไปบ้างตามสภาพ แต่ขณะนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชดำริ ให้รักษาร่องรอยประวัติศาสตร์เอาไว้ให้หมดอย่างสมบูรณ์ โดยให้กรมศิลปากรเข้ามาบูรณะซ่อมแซมให้เหมือนเดิม เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้เข้ามาศึกษาเรื่องราวในประวัติศาสตร์ได้อย่างชัดเจน
จึงได้ติดต่อผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี คุณพูลศักดิ์ ประณุทนรพาล เพื่อนำเรื่องราวของค่ายทหารฝรั่งเศสแห่งนี้ มาให้ได้รู้จักกัน เพราะในอนาคตอันใกล้นี้ เมื่อกรมศิลปากรบูรณะสิ่งก่อสร้างฝรั่งเศสทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว จ.จันทบุรีก็จะมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์เพิ่มขึ้นมาอีก 1 แห่ง รับรองว่าจะเป็นแหล่งเรียนรู้แก่ผู้ที่สนใจ ทั้งชาวฝรั่งเศสและคนไทยได้เป็นอย่างดี