สังฆาฏนรก...นรกบดขยี้

บทความโดย...อ.ตุ้ย วรธรรม

สังฆาฏนรก แปลว่า นรกภูเขาบดขยี้ร่าง เป็นนรกใหญ่ขุมที่ 3 อยู่ใต้กาฬสุตตะลงไป ลักษณะของนรกนี้ จะมีกำแพงและพื้นเหล็กแดงมีไฟลุกโชนโชติช่วง

ที่พิเศษคือ มีภูเขาเหล็กแดงลุกเป็นไฟใหญ่ 2 ลูก กลิ้งไปมาเข้าหากัน ก่อนที่จะบดขยี้ร่างสัตว์นรกน้อยใหญ่จนแหลกละเอียดแล้วฟื้นขึ้นมาใหม่เพื่อรับการลงโทษอันทารุณต่อไป

ทั้งนี้ ทราบไหมว่าเหล่าสัตว์ที่ไปเกิดอยู่ในสังฆาฏนรกนี้นั้น จะมีร่างกายวิกล วิการแตกต่างกัน ผิดรูป ผิดร่าง แปลกพิลึก 

บางตนมีหน้าเป็นกระบือ แต่มีร่างกายเป็นมนุษย์ บางตัวมีหน้าเป็นมนุษย์ แต่ร่างกายกลับกลายเป็นช้าง  บางตนมีหน้าเป็นมนุษย์ แต่ร่างกายเป็นรูปสัตว์เดียรัจฉานแตกต่างกันไป บางตนมีหน้าเป็นเสือ เป็นกวาง เป็นม้าม้า เป็นวัว เป็นลา เป็นหมู เป็นสุนัข เป็นเป็ด เป็นไก่ เป็นกา เป็นต้น 

ล้วนแล้วแต่เดียรฉานทั้งสิ้น ทว่าที่ร่างกายกลับเป็นมนุษย์ มีอยู่หลากหลายแตกต่างกัน สุดจะนับประมาณได้ 

นายนิรยบาลผู้ทำหน้าที่ลงโทษก็จะทำการผูกมัดสัตว์นรกร่างประหลาดเหล่านั้นไว้ที่คอ ต่อจากนั้นก็ดึงลากมารวมกันเป็นพวงๆ ด้วยโซ่เหล็กร้อนแดง แล้วฉุดกระชากลากมาให้นอนเหนือแผ่นเหล็กร้อน จากนั้นก็เอาค้อนเหล็กกระหน่ำตีลงไปเต็มแรงเหยียดของนายนิรยบาลผู้ทรงพลัง แล้วร่างกายของสัตว์นรกนั้นๆ ก็แตกป่นถึงกระดูก 

ครั้นต้องลมกรรมที่พัดมาร่างสัตว์นรกนั้น ก็จะกลับมาเป็นปกติเป็นปกติธรรมดา ให้นายนิรยบาลมีโอกาสทุบตี กระหน่ำซ้ำเติมต่อไปอีกไม่ยั้ง บางพวกก็ถูกนายนิรยบาลจับมัดมาแล้วให้นอนหงาย ลงบนถ่านร้อน สัตว์นรกก็เร่าร้อนเจ็บปวดดิ้นรนไปมา เสวยทุกขเวทนาแสนสาหัสเพราะถูกเผาลนอย่างหนัก บางทีนายนิรยบาลผู้มีดวงหน้า มีมือถือศัสตราวุธเที่ยวเดินไป ครั้นถึงนรกก็พลันยกขึ้นซึ่งอาวุธ แล้วคำรามด้วยเสียงก้องนรกว่า "ฉันจะฆ่าแก" ทำให้สัตว์นรกได้ฟังเสียงนั้นเกิดหวาดกลัวจับขั้วหัวใจ วิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต แต่ด้วยอำนาจกรรมบันดาลที่สัตว์นรกนั้น ทำให้เป็นกองไฟขึ้นขวางหน้ากั้นไว้ สัตว์นรกก็ไปไม่ได้ พอหันกลับมาก็เกิดไฟดักหน้าเข้าอีกกองหนึ่ง ไม่ว่าจะหันหน้าไปทางไหน ให้ปรากฏมีกองไฟรอบตัวไปหมด เผาสัตว์นรกให้ได้ทุกขเวทนาแสนสาหัส

ไฟนรกนี้ อย่าพึงเข้าใจว่าเหมือนไฟในโลกมนุษย์ เพราะมันมีความร้อนแรงกว่าไฟธรรมดาหลายเท่านักถึงจะถูกไฟนรกเผาอย่างนี้ สัตว์นรกทั้งหลายก็หาตายง่ายๆ ไม่ ทีนั้นก็มีภูเขาเหล็ก 2 ลูก กลิ้งหมุนมาบีบสัตว์ให้แหลกลาญ ละเอียดไม่มีชิ้นดี เปรียบดังเครื่องบดอ้อยที่บดอ้อยให้แหลกละเอียดนั่นทีเดียว

บางทีนายนิรยบาลก็จับสัตว์นรกเหล่านี้ มาฝังลงในพื้นแผ่นเหล็กลึกแค่บั้นเอว ตรึงตราไว้มั่น ไม่หวั่นไหวได้ ในไม่ช้า จึงมีภูเขาไฟรุ่งเรืองด้วยเปลวไฟ คอยกลิ้งมาบดขยี้ทับสัตว์นรกเหล่านั้นให้ได้รับทุกขเวทนา แตกละเอียดไป พอมีลมกรรมพัดมาก็กลับเป็นขึ้นมาอีก ภูเขาเหล็กนรกนั่นก็ค่อยๆ กลิ้งมาทับ บดขยี้ให้ถึงความป่นปี้ได้รับทุกขเวทนาอีก เป็นอยู่อย่างนี้ซ้ำๆ ซากๆ ไม่หยุด ไม่หย่อนเลย ตลอดเวลาที่อยู่ในสังฆาฏนรกนี้ ส่วนเกณฑ์อายุของสัตว์ในสังฆาฏนรกนี้อยู่ที่ 2,000 ปี เทียบเวลาของมนุษย์โลกดังนี้ คือ 14 โกฏิ กับ 5 ล้านปีของมนุษย์โลก จึงเป็นวันหนึ่งกับคืนหนึ่งของสังฆาฏนรกโลก บุรพกรรม เมื่อก่อนเป็นผู้มีใจบาปหยาบช้า มากด้วยอกุศลกรรม ไร้ความเมตตากรุณา ชอบทำการทารุณกรรมสัตว์ เช่น ฆ่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์เป็นประจำ และผลของกรรมชั่วจึงดลบันดาลให้มาเกิดในนรกขุมนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น