พระเจดีย์ชเวซานดอร์ เมืองพุกาม ต้องปีนขึ้นไปถึงคอระฆัง ได้ชมทะเลเจดีย์พุกามในภาพกว้างแบบพาโนรามาได้ทุกมุม
การที่ไกด์พาขึ้นพระเจดีย์สูง เพื่อให้ชมวิวพระเจดีย์เมืองพุกาม ที่กล่าวกันว่ามองไปทิศไหนก็เห็นแต่พระเจดีย์ ทั้งนี้เมืองพุกามได้ชื่อว่าเป็นทุ่ง หรือทะเลเจดีย์ ในอดีตมีมากถึง 4 ล้านกว่าองค์ แต่ถูกภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว ทำลายลงไปมาก คงเหลือประมาณ 4,000 องค์ในปัจจุบัน แต่ก็ยังหาประเทศอื่นในโลกเทียบไม่ได้ เรียกว่าเป็นเพียงแห่งเดียวในโลกก็ย่อมได้
พุกาม เป็นเมืองโบราณ มีมาก่อนกรุงสุโขทัย สร้างขึ้นประมาณปี 15871830 โดยพระเจ้าอโนรธามังช่อ
มูลเหตุการสร้างพระเจดีย์จำนวนมากนั้น พระเทพดิลก (ระแบบ) เขียนในประวัติพระพุทธศาสนาในพม่าว่า เมื่อพระเจ้าอโนรธาสวรรคต หลังเสวยราชย์ 33 ปี จอลู ซึ่งเป็นพระราชโอรสขึ้นครองราชย์ แต่อยู่ได้ 2 ปี ก็ถูกปลงพระชนม์เพราะเกิดกบฎ ประชาชนเชิญแม่ทัพชื่อ กันชิต หรือกยันสิต ขึ้นนั่งเมือง ท่านผู้นี้สามารถปราบกบฏได้ราบคาบ แผ่อำนาจและอาณาเขตถึงตะนาวศรี ในรัชกาลนี้เอง ชาวพุทธอินเดียหลบหนีภัยจากอิสลามมาพม่าเป็นจำนวนมาก ผู้คนนั้นได้นำแบบแผนการสร้างพุทธเจดีย์เข้ามาด้วย ทำให้พระเจ้ากันชิตทรงโปรด จึงให้สร้างพระธาตุชเวสิดง ที่พระเจ้าอโนรธาทรงสร้างค้างไว้จนแล้วเสร็จ
ปี 1634 ทรงโปรดให้สร้างอานันทเจดีย์ขึ้น ซึ่งเป็นปูชนียสถานที่สวยงามแห่งหนึ่งในพม่า ต่อมามีการสร้างพระเจดีย์มากขึ้น กินพื้นที่ประมาณ 60 ตารางกิโลเมตร ริมฝั่งอิรวดี นอกจากพระราชามหากษัตริย์ทรงสร้างแล้ว ประชาชนทั่วไปก็สร้างตามด้วย แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าเขาสร้างแต่พระเจดีย์อย่างเดียว มีทั้งขนาดเล็กใหญ่ตามกำลังทรัพย์และศรัทธา แต่สร้างในที่โล่งๆ เป็นทุ่งกว้างโดยไม่มีวัด หรือปูชนียสถานทางศาสนาอย่างอื่นในสถานที่สร้างเจดีย์ ยกเว้นพระพุทธรูป
รูปทรงพระเจดีย์ บางรูปบางทรงคล้ายกับวิหารฮินดู คือสร้างประโยชน์ใช้สอยที่ฐานเจดีย์ หรืออาจเรียกว่าวิหารในเจดีย์ก็ได้ ดังเจดีย์อานันดา ซึ่งเป็นพระเจดีย์งามที่สุดในพุกาม เป็นต้น
สำหรับพระพุทธรูปในย่านพุกามนั้นเป็นพระพุทธรูปที่พอเห็นแล้วต้องบอกว่าผิดจากพระพุทธรูปแบบพม่าที่เคยเห็นทั่วไป พระพุทธรูปพุกามพิจารณาแล้วมีพระพักตร์คล้ายกับพระผงสุพรรณพิมพ์หน้าแก่ โดยเฉพาะที่พระเจดีย์อโลว์ตอปี หรือหลวงพ่อสมปรารถนา หน้าเหมือนพระผงสุพรรณ เหมือนพิมพ์เดียวกัน
พระพุทธรูปในเจดีย์แห่งนี้ กรมศิลปากรพม่าขุดพบหลังจากพระสงฆ์รูปหนึ่งนั่งสมาธินิมิตเห็น โดยตอนแรกไม่มีใครเชื่อ แต่เมื่อขุดลงไปตามที่พระนิมิตเห็นพบว่ามีจริง ที่มีชื่อว่าสมปรารถนาเพราะคนไทยไปบนไว้แล้วได้สมปรารถนาจึงถวายชื่อเช่นนั้น จะเห็นพัดยศจำลองที่พระไทยนำไปถวาย สันนิษฐานว่าคงบนไว้ให้ได้เลื่อนสมณศักดิ์ เมื่อได้สมปรารถนาจึงนำไปถวาย
พระธาตุอินทร์แขวน หรือพระเจดีย์ไจ้เที่ยว อายุกว่า 2,000 ปี มีความมหัศจรรย์ที่เจดีย์องค์นี้เป็นหินก้อนใหญ่ น้ำหนักประมาณ 200 ตัน (คุณเกริก ตั้งสง่า) วิศวกร ประมาณการด้วยสายตาจากความกว้างและสูง) ตั้งอยู่บนหินอีกก้อนหนึ่งบนชะง่อนผา และอยู่อย่างนั้นมานานเป็นพันปีไม่หล่นลงมา ทั้งๆ ที่ดูแล้วไม่น่าจะอยู่ได้
ความอัศจรรย์นี้ก่อให้เกิดศรัทธาแก่ประชาชนชาวพุทธทั้งพม่า มอญ และไทย ทั้งๆ ที่ขึ้นไปบูชาด้วยศรัทธาแรงกล้า กว่าจะขึ้นไปถึงแสนจะลำบาก เพราะตั้งอยู่บนยอดเขาสูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 ฟุต ต้องนั่งรถบรรทุกที่จัดสำหรับขึ้นเขาโดยเฉพาะ เครื่องยนต์และช่วงล่างระบบเบรกต้องสมบูรณ์ 100% บางช่วงโค้งหักศอกผ่านหน้าผา เห็นแล้วต้องหันหน้าไปมองทางอื่น ทุกคนต้องนั่งแบบเสียวๆ ไปประมาณ 10 กม. ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ถึงจุดที่จะต้องเปลี่ยนจากรถยนต์เป็นเสลี่ยงคนหาม 4 คน เดินทางอีก 4 กม. ใช้เวลาอีก 40 นาที จึงถึงจุดหมายปลายทางกลางคืน และเช้ามืดบูชาพระธาตุอินทร์แขวนท่ามกลางอากาศเย็นสบาย
ที่น่าสังเกต ตู้บริจาคเป็นสิบๆ ตู้ มีเงินเต็มเกือบทุกตู้ แต่เจ้าของสถานที่ตั้งไว้เฉยๆ โดยไม่ระแวงว่าจะหาย ตอนเช้ามืดขึ้นไปเห็นเขาเอาผ้าใบมาคลุมไว้เท่านั้น
ลงจากพระธาตุอินทร์แขวนก็มุ่งสู่หงสาวดี บูชาพระธาตุมุเตา หรือพระเจดีย์ชเวมอดอว์ พระเจดีย์คู่เมืองหงสาวดี สร้างสมัยเดียวกับพระเจดีย์ชเวดากอง เป็นเจดีย์สูงใหญ่ปิดทองทั้งองค์ เช่นเดียวกับพระเจดีย์ชเวดากอง
จากนั้นได้มาชมวังบุเรงนอง หรือผู้ชนะสิบทิศ ที่มอญพม่ารู้จักในนาม บะยิ่นหน่อง ส่วนวังเป็นวังสร้างใหม่ สนองความต้องการนักท่องเที่ยว (ไทย) เมื่อ 12 ปีมานี้เอง เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ไม่มีสิ่งก่อสร้างอะไรให้เห็น นอกจากพื้นที่ว่างเปล่า ถามว่าวังบุเรงนองตั้งอยู่ที่ไหน เจ้าหน้าที่พม่าว่าไม่มีแล้ว ถูกเผาไปหมดสิ้น
จากหงสาวดีเข้าสู่นครย่างกุ้ง ตอนค่ำไปไหว้พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง ที่เป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนา และประเทศพม่า หากใครมาพม่าไม่ได้ไปไหว้ไปชม ถือว่ายังไม่ถึงพม่า
จากย่างกุ้งไปพุกาม จากพุกามไปมัณฑะเลย์ ที่มัณฑะเลย์ได้ชมวังของใหม่ที่สร้างในเขตพระราชฐานเดิม ส่วนวังเก่าที่พระเจ้าสีปอและนางศุภยลัต กษัตริย์องค์สุดท้ายของพม่าเคยประทับก่อนเสียเมืองนั้นถูกเผาทิ้งช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา ว่าเป็นฝีมืออังกฤษที่ไม่ต้องการให้ญี่ปุ่นครอบครอง
วันหนึ่งที่เมืองมัณฑะเลย์ ทุกคนต้องตื่นตี 3 เพื่อเดินทางไปไหว้พระมหามุนีในตอนเช้ามืด พระมหามุนีเป็นพระพุทธรูปทองเนื้อนิ่ม ที่ชาวพุทธพม่าจัดพิธีกรรมล้างหน้าติดต่อกันมาหลายชั่วอายุคน และน่าจะเป็นเพียงแห่งเดียวในโลก
การล้างหน้าพระพุทธรูปเป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่ง ขณะที่ทำพิธีอยู่นั้น พิณ พาทย์ ลาด ตะโพน บรรเลงตลอด 1 ชั่วโมง
ส่วนฆราวาสที่เข้าร่วมพิธีล้างหน้าพระพุทธรูปต้องแต่งชุดขาว พระสงฆ์ที่ทำหน้าที่ล้างหน้าต้องเป็นพระที่เถระผู้ใหญ่คัดเลือกแล้ว ล้างหน้าเสร็จได้ทำพิธีถวายข้าพระพุทธ ซึ่งชาวพุทธทั้งไทยและพม่าจัดหามา หรือซื้อ ณ ที่นั่นก็มีขาย ในราคาชุดละ 5,000 จ๊าด
เมื่อไหว้พระบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำให้ทุกท่านรู้สึกอิ่มบุญ ปลื้มปีติ และปรารถนาที่จะเดินทางมาอีก โดยเฉพาะท่านที่บนบานศาลกล่าวกับพระศักดิ์สิทธิ์ไว้ เมื่อได้ตามที่ปรารถนา ต้องกลับมาถวายของตามที่สัญญาหรือบนไว้
วันหนึ่งที่เมืองมัณฑะเลย์ ทุกคนต้องตื่นตี 3 เพื่อเดินทางไปไหว้พระมหามุนีในตอนเช้ามืด พระมหามุนีเป็นพระพุทธรูปทองเนื้อนิ่ม ที่ชาวพุทธพม่าจัดพิธีกรรมล้างหน้าติดต่อกันมาหลายชั่วอายุคน และน่าจะเป็นเพียงแห่งเดียวในโลก
การล้างหน้าพระพุทธรูปเป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่ง ขณะที่ทำพิธีอยู่นั้น พิณ พาทย์ ลาด ตะโพน บรรเลงตลอด 1 ชั่วโมง
ส่วนฆราวาสที่เข้าร่วมพิธีล้างหน้าพระพุทธรูปต้องแต่งชุดขาว พระสงฆ์ที่ทำหน้าที่ล้างหน้าต้องเป็นพระที่เถระผู้ใหญ่คัดเลือกแล้ว ล้างหน้าเสร็จได้ทำพิธีถวายข้าพระพุทธ ซึ่งชาวพุทธทั้งไทยและพม่าจัดหามา หรือซื้อ ณ ที่นั่นก็มีขาย ในราคาชุดละ 5,000 จ๊าด
เมื่อไหว้พระบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำให้ทุกท่านรู้สึกอิ่มบุญ ปลื้มปีติ และปรารถนาที่จะเดินทางมาอีก โดยเฉพาะท่านที่บนบานศาลกล่าวกับพระศักดิ์สิทธิ์ไว้ เมื่อได้ตามที่ปรารถนา ต้องกลับมาถวายของตามที่สัญญาหรือบนไว้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น