สถานที่แรกที่พาไป คือ วิหารภิกษุณี ที่ตั้งอยู่ในวัดเทพธิดารามวรวิหาร ภายในวิหารมีรูปปั้นพระภิกษุณีจำนวน 52 องค์ประดิษฐานอยู่บนแท่นหินอ่อนเบื้องหน้าพระประธาน
พากันข้ามถนนมหาไชย ตรงเข้าตรอกเล็กๆ ด้านหลังร้านน้ำอบนางลอย เส้นทางนี้พาเรามาพบกับศาลาโรงธรรม ซึ่งเคยเป็นสถานที่ผลิตงานหัตถกรรมชิ้นสำคัญอย่างสายรัดประคด อันเป็นที่มาของชื่อ ‘บ้านสายรัดประคด’ เนยอธิบายว่าประคดคือแผ่นผ้าหรือด้ายที่ถักกันเป็นแผ่นยาว ใช้สำหรับคาดเอวหรืออกของพระภิกษุสงฆ์ “สมัยก่อนสาวๆ จะมานั่งรวมตัวเพื่อทอสายรัดประคดกันที่นี่
เดินออกมาอีกหน่อยก็จะมาถึงชุมชนป้อมมหากาฬ ชาวบ้านเคยพยายามที่จะทำป้อมมหากาฬให้เป็นสวนสาธารณะที่อยู่ร่วมกับชุมชนได้ แต่ด้วยปัญหาหลายๆ อย่าง สุดท้ายชาวบ้านก็จำเป็นจะต้องย้ายออกไป แม้จะแอบเสียดายที่ไม่มีบ้านไม้เก่าโบราณให้ได้เห็นกันแล้ว แต่ต้นไม้ใหญ่ที่ชาวชุมชนช่วยดูแลกันมาเสมอก็ยังคงยืนต้นสวยงามให้ร่มเงากับเราได้เป็นอย่างดี
พอมุ่งหน้าออกมาทางถนนราชดำเนิน ข้ามมายังซอยวัดปรินายก เราก็สะดุดตากับทีวีที่ตั้งยื่นออกมาตรงหน้าต่างชั้น 2 ของร้านชำ “ข้างๆ เป็นร้านข้าว พอทุกคนมารวมตัวกันก็จะเปิดทีวีดูด้วยกันที่นี่” ซึ่งเคยถามไถ่เจ้าของร้านชำด้านล่างมาก่อน เราพากันเดินเลียบคลองบางลำพูมาเรื่อยๆ ตลอดเส้นทาง
ตามป้ายร้านค้าของถนนเส้นนี้ ที่น่าสนใจเพราะใช้ฟอนต์กันอย่างหลากหลาย เราเดินเข้าซอยสามเสน 1 ผ่านวัดสังเวชวิศยาราม ลัดเลาะมาตามซอยสามเสน 3 และซอยบางลำพู จนมาถึงถนนพระสุเมรุ เดินเข้าตรอกเขียนนิวาสน์ แนะนำให้รู้จักกับบ้านแม่เปี๊ยก ชุดโขนละครสวยๆ ของกรมศิลป์หลายชิ้นคือฝีมือของช่างปักจากบ้านนี้
เดินกันมาจนถึงถนนพระอาทิตย์ พระอาทิตย์กำลังจะตก และดูเหมือนว่าจะไม่มีฝนตกลงมาอีกแล้ว พาเดินเข้าซอยชนะสงคราม ผ่านวัดชนะสงครามออกมาทางถนนจักรพงษ์ ก่อนจะเลี้ยวมาถึงถนนราชดำเนิน
ที่สุดท้ายมาทานอาหารเย็นที่ห้องอาหารกิมเล้ง ร้านอาหารเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บนถนนตะนาว สี่แยกคอกวัว เราได้ลิ้มลองเมนูแนะนำชุดใหญ่และแลกเปลี่ยนประสบการณ์หลายอย่างตลอดการเดินทางในวันนี้ระหว่างมื้ออาหารกับนักเดินชมเมืองเก่า