ออกเดินทางโดยสายการบินไทยไปลงที่คุนหมิง ซึ่งเป็นจุดหมายแรก ไม่ได้มาคุนหมิงหลายปีอะไรๆเปลี่ยนไปมากจนแทบจำของเดิมไม่ได้ คุนหมิงเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลยูนนาน มีประชากรประมาณ 33 ล้านคน โดยมีชนกลุ่มน้อยถึง 26 เผ่า ตั้งอยู่บนที่ราบสูง ซึ่งมีความสูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,850 เมตร และมีภูเขาล้อมรอบเมือง
ดังนั้น คุนหมิงจึงมี อากาศเย็นสบายตลอดปี คนไทยที่เพิ่งจะเริ่มเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกมักจะเลือกไปคุนหมิง เพราะอยู่ใกล้เมืองไทย และมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่รู้จักกันดีคือ ป่าหิน
จากคุนหมิงเราออกเดินทางโดยรถโค้ชไปเมืองโบราณ คือ เมืองต้าลี่ แวะกินอาหารเย็นที่ภัตตาคารระหว่างทาง อาหารแถบนี้ถูกปากคนไทย เพราะเป็นอาหารยูนนานที่เรารู้จักกันดี เหมือนที่เคยกินบนดอยแม่สลอง คือ เป็นอาหารรสจัด บางอย่างจะออกเผ็ดเสียด้วย เช่น หมุ่ยฉอยเข่าหยก (หมูสามชั้นนึ่งกับผักกาดอบแห้ง) ยำเห็ดหูหนู ต้มจืดฟักกับกระดูกหมู ป๋วยเล้งผัดน้ำมันหอย ไก่อบหนังกรอบ ไก่นึ่งซีอิ๊ว กระดูกหมู/ปลา/หมูสามชั้นทอดกรอบผัดพริกแห้ง ปลาแม่น้ำนึ่งซีอิ๊ว และที่ขาดไม่ได้ต้องมีทุกมื้อคือ ไข่เจียวตำรับจีน ที่ทอดเสร็จแล้วต้องหั่นเป็นชิ้นๆเหมือนพิซซ่า
จากคุนหมิงเราออกเดินทางโดยรถโค้ชไปเมืองโบราณ คือ เมืองต้าลี่ แวะกินอาหารเย็นที่ภัตตาคารระหว่างทาง อาหารแถบนี้ถูกปากคนไทย เพราะเป็นอาหารยูนนานที่เรารู้จักกันดี เหมือนที่เคยกินบนดอยแม่สลอง คือ เป็นอาหารรสจัด บางอย่างจะออกเผ็ดเสียด้วย เช่น หมุ่ยฉอยเข่าหยก (หมูสามชั้นนึ่งกับผักกาดอบแห้ง) ยำเห็ดหูหนู ต้มจืดฟักกับกระดูกหมู ป๋วยเล้งผัดน้ำมันหอย ไก่อบหนังกรอบ ไก่นึ่งซีอิ๊ว กระดูกหมู/ปลา/หมูสามชั้นทอดกรอบผัดพริกแห้ง ปลาแม่น้ำนึ่งซีอิ๊ว และที่ขาดไม่ได้ต้องมีทุกมื้อคือ ไข่เจียวตำรับจีน ที่ทอดเสร็จแล้วต้องหั่นเป็นชิ้นๆเหมือนพิซซ่า
ดังนั้น ทุกมื้ออาหารจึงไม่ได้ยินเสียงบ่นจากผู้ที่ไปเที่ยวครั้งนี้ว่าอาหารไม่อร่อย เพราะกินเรียบทุกอย่าง ส่วนของหวานจะเป็นผลไม้รวม มีแตงโม มะเขือเทศ ส้มเช้ง
"ต้าลี่" เป็นแคว้นเดิมของอาณาจักรน่านเจ้าที่เรียกว่า "ตาลีฟู" มีคนไทย เป็นเจ้าผู้ครองนครชื่อ เบ้งเฮก เมื่อพันกว่าปีมาแล้ว ในสมัยสามก๊ก
"ต้าลี่" เป็นแคว้นเดิมของอาณาจักรน่านเจ้าที่เรียกว่า "ตาลีฟู" มีคนไทย เป็นเจ้าผู้ครองนครชื่อ เบ้งเฮก เมื่อพันกว่าปีมาแล้ว ในสมัยสามก๊ก
ดังนั้น คนพื้นเมืองของภาคพื้นนี้ ความจริงก็คือ คนเผ่าไทยนั่นเอง
ที่ต้าลี่เราได้ไปล่องเรือใน ทะเลสาบเอ๋อไห่ ที่ไกด์สาวน้อยนามว่า น้องหมวย พยายามอธิบายถึงความสวยงามของทะเลสาบและธรรมชาติรอบข้าง เพื่อให้พวกเราจินตนาการตามระหว่างจิบน้ำชาร้อนๆ คณะของเราจึงหามุมสวยๆ ถ่ายรูป ขึ้นจากเรือเห็นชาวบ้านเอาปลาเล็กปลาน้อย กุ้งแม่น้ำตัวเล็กๆ ที่ได้จากทะเลสาบเสียบไม้ย่างไฟร้อนๆ กินได้ทั้งตัวอร่อยอย่าบอกใคร
ที่ต้าลี่เราได้ไปล่องเรือใน ทะเลสาบเอ๋อไห่ ที่ไกด์สาวน้อยนามว่า น้องหมวย พยายามอธิบายถึงความสวยงามของทะเลสาบและธรรมชาติรอบข้าง เพื่อให้พวกเราจินตนาการตามระหว่างจิบน้ำชาร้อนๆ คณะของเราจึงหามุมสวยๆ ถ่ายรูป ขึ้นจากเรือเห็นชาวบ้านเอาปลาเล็กปลาน้อย กุ้งแม่น้ำตัวเล็กๆ ที่ได้จากทะเลสาบเสียบไม้ย่างไฟร้อนๆ กินได้ทั้งตัวอร่อยอย่าบอกใคร
จากนั้นเราไปชม โรงถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง 8 เทพอสูรมังกรฟ้า จากบทประพันธ์อันลือลั่นของ กิมย้ง ภายในโรงถ่ายเขาจะสร้างอาคารบ้านช่องเลียนแบบสมัยราชวงศ์ถัง นักท่องเที่ยวจะได้ชมการแสดงที่เขาจัดให้แบบสมจริงสมจัง แบบมีส่วนร่วมด้วย
จากต้าลี่เรานั่งรถต่อไป เมืองหลี่เจียง ซึ่งเป็นเมืองเอกของเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา ขึ้นอยู่กับมณฑลยูนนาน ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร แต่ทว่าเส้นทางขึ้นเขาลงห้วยลัดเลาะไปตามไหล่เขา มีหุบมีเหวให้หวาดเสียวพอดู เพราะเป็นถนน 2 เลนสวนกัน แต่คนขับรถชำนาญทางและรู้จักนิสัยใจคอของคนขับรถชาวจีนด้วยกัน จึงอะลุ้มอล่วยแบ่งกันแซง แบ่งกันหลบ เราจึงใช้เวลานานมากกว่าจะถึงหลี่เจียง เรียกว่านั่งกันจนริดสีดวงเกือบแตก
"หลี่เจียง" เป็นเมืองเก่าที่มีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ และวัฒนธรรมของชนเผ่าต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะชนเผ่าน่าซีที่อาศัยอยู่มากที่สุด แต่เดิมหลี่เจียงเป็นจุดศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญ มีทัศนียภาพสวยงามรายล้อมด้วยเรือนแถวโบราณ 2 ชั้น ริมคูคลองรอบเมือง จนได้รับสมญาว่า "เวนิสตะวันออก"
จากต้าลี่เรานั่งรถต่อไป เมืองหลี่เจียง ซึ่งเป็นเมืองเอกของเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา ขึ้นอยู่กับมณฑลยูนนาน ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร แต่ทว่าเส้นทางขึ้นเขาลงห้วยลัดเลาะไปตามไหล่เขา มีหุบมีเหวให้หวาดเสียวพอดู เพราะเป็นถนน 2 เลนสวนกัน แต่คนขับรถชำนาญทางและรู้จักนิสัยใจคอของคนขับรถชาวจีนด้วยกัน จึงอะลุ้มอล่วยแบ่งกันแซง แบ่งกันหลบ เราจึงใช้เวลานานมากกว่าจะถึงหลี่เจียง เรียกว่านั่งกันจนริดสีดวงเกือบแตก
"หลี่เจียง" เป็นเมืองเก่าที่มีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ และวัฒนธรรมของชนเผ่าต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะชนเผ่าน่าซีที่อาศัยอยู่มากที่สุด แต่เดิมหลี่เจียงเป็นจุดศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญ มีทัศนียภาพสวยงามรายล้อมด้วยเรือนแถวโบราณ 2 ชั้น ริมคูคลองรอบเมือง จนได้รับสมญาว่า "เวนิสตะวันออก"
นอกจากนี้ องค์การยูเนสโกยังได้ขึ้นทะเบียนให้หลี่เจียง เป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม เมื่อปี พ.ศ. 2530 นี่แหละจึงเป็นเหตุให้ต้องดั้นด้นเดินทางมาชมความสวยงาม
เราไปถึงหลี่เจียงตอนค่ำ ได้ไปรับประทานอาหารเย็นที่โรงแรมหลี่เจียงแกรนด์ ซึ่งเขาบอกว่า เจ้าของเป็นคนไทย เราจึงได้กินอาหารไทย เช่น แกงเขียวหวานหมู หมูแดดเดียว ต้มยำไก่ ลาบหมู สถานที่ตั้งของโรงแรมนี้ เป็นชัยภูมิที่ดีที่สุด ที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินไปชมทัศนียภาพในยามค่ำคืนของหลี่เจียงได้เป็นอย่างดี
สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองหลี่เจียง มีมากมายสุดแท้แต่ไกด์จะพาไป แต่หนึ่งในการมาเที่ยวที่นี่ คือ การไปดูโชว์สุดอลังการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหลี่เจียง คือ การแสดงวัฒนธรรมพื้นเมืองของชาวน่าซี ที่กำกับการแสดงโดยผู้กำกับชื่อก้องโลก จาง อวี้ โหมว เขาจะใช้นักแสดง ซึ่งเป็นชาวบ้านในเมืองหลี่เจียง ประมาณ 600 คน เป็นผู้เล่าเรื่องราววิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชนเผ่าต่างๆ อย่างเพลิดเพลินงดงามตระการตา โดยเนรมิตภูเขาหิมะมังกรหยกเป็นฉากหลัง เป็นการแสดงที่สวยงามไม่แพ้การแสดงที่เมืองกุ้ยหลิน ที่จาง อวี้ โหมว ใช้ท้องน้ำและภูเขาเป็นฉากหลัง แต่แสดงในตอนกลางคืน
ชมการแสดงที่สวยงามแล้ว คณะของเรารวมทั้งผู้คนที่มาดูการแสดงหลายพันคน ต่างก็มุ่งหน้าไปขึ้นกระเช้า เพื่อไปชมต้นสนอายุกว่าพันปี บนทุ่งราบหวินซานผิง ทำให้ต้องเข้าคิวยาวเป็นกิโล ระหว่างนั้นก็นั่งรถไปชมอุทยานน้ำหยก ที่มีน้ำตกไหลลงมาเป็นชั้นๆ ถึง 3 ชั้น เขาว่าเป็นของที่มนุษย์สร้างขึ้นมา ไม่ได้เกิดเองตามธรรมชาติ แต่สวยจนนึกว่าธรรมชาติสร้างให้
ช่วงบ่ายได้นั่งรถม้าชมบริเวณเมืองโบราณซู่เหอ ซึ่งเป็นหมู่บ้านโบราณมีอายุกว่า 900 ปี ของชาวเผ่าน่าซี ที่ยังรักษาบ้านช่องสองข้างทางเหมือนเมืองจีนสมัยโบราณ เพียงแต่ปรับปรุงให้เป็นร้านขายของ ร้านอาหาร และที่พัก เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ช็อปปิ้งสินค้าหัตถกรรมฝีมือชาวบ้าน เช่น เสื้อผ้า ผ้าคลุมไหล่ รองเท้าผ้า เครื่องประดับเงิน ภาพวาด ของที่ระลึกต่างๆ แต่ที่น่าสนใจที่สุดสำหรับคุณผู้หญิงที่จะต้องซื้อให้จงได้ คือ กระเป๋าที่ทำมาจากหนังจามรีแท้ๆ เพราะที่นี่เป็นที่แห่งเดียวที่มีตัวจามรีมาก
เราไปถึงหลี่เจียงตอนค่ำ ได้ไปรับประทานอาหารเย็นที่โรงแรมหลี่เจียงแกรนด์ ซึ่งเขาบอกว่า เจ้าของเป็นคนไทย เราจึงได้กินอาหารไทย เช่น แกงเขียวหวานหมู หมูแดดเดียว ต้มยำไก่ ลาบหมู สถานที่ตั้งของโรงแรมนี้ เป็นชัยภูมิที่ดีที่สุด ที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินไปชมทัศนียภาพในยามค่ำคืนของหลี่เจียงได้เป็นอย่างดี
สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองหลี่เจียง มีมากมายสุดแท้แต่ไกด์จะพาไป แต่หนึ่งในการมาเที่ยวที่นี่ คือ การไปดูโชว์สุดอลังการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหลี่เจียง คือ การแสดงวัฒนธรรมพื้นเมืองของชาวน่าซี ที่กำกับการแสดงโดยผู้กำกับชื่อก้องโลก จาง อวี้ โหมว เขาจะใช้นักแสดง ซึ่งเป็นชาวบ้านในเมืองหลี่เจียง ประมาณ 600 คน เป็นผู้เล่าเรื่องราววิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชนเผ่าต่างๆ อย่างเพลิดเพลินงดงามตระการตา โดยเนรมิตภูเขาหิมะมังกรหยกเป็นฉากหลัง เป็นการแสดงที่สวยงามไม่แพ้การแสดงที่เมืองกุ้ยหลิน ที่จาง อวี้ โหมว ใช้ท้องน้ำและภูเขาเป็นฉากหลัง แต่แสดงในตอนกลางคืน
ชมการแสดงที่สวยงามแล้ว คณะของเรารวมทั้งผู้คนที่มาดูการแสดงหลายพันคน ต่างก็มุ่งหน้าไปขึ้นกระเช้า เพื่อไปชมต้นสนอายุกว่าพันปี บนทุ่งราบหวินซานผิง ทำให้ต้องเข้าคิวยาวเป็นกิโล ระหว่างนั้นก็นั่งรถไปชมอุทยานน้ำหยก ที่มีน้ำตกไหลลงมาเป็นชั้นๆ ถึง 3 ชั้น เขาว่าเป็นของที่มนุษย์สร้างขึ้นมา ไม่ได้เกิดเองตามธรรมชาติ แต่สวยจนนึกว่าธรรมชาติสร้างให้
ช่วงบ่ายได้นั่งรถม้าชมบริเวณเมืองโบราณซู่เหอ ซึ่งเป็นหมู่บ้านโบราณมีอายุกว่า 900 ปี ของชาวเผ่าน่าซี ที่ยังรักษาบ้านช่องสองข้างทางเหมือนเมืองจีนสมัยโบราณ เพียงแต่ปรับปรุงให้เป็นร้านขายของ ร้านอาหาร และที่พัก เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ช็อปปิ้งสินค้าหัตถกรรมฝีมือชาวบ้าน เช่น เสื้อผ้า ผ้าคลุมไหล่ รองเท้าผ้า เครื่องประดับเงิน ภาพวาด ของที่ระลึกต่างๆ แต่ที่น่าสนใจที่สุดสำหรับคุณผู้หญิงที่จะต้องซื้อให้จงได้ คือ กระเป๋าที่ทำมาจากหนังจามรีแท้ๆ เพราะที่นี่เป็นที่แห่งเดียวที่มีตัวจามรีมาก
ดังนั้น กระเป๋าหนังจามรีแท้ๆ จึงมีราคาไม่แพง แถมยังออกแบบสวยเก๋และต้องเป็นสีขาวเท่านั้นนะ จึงจะถือว่าทำมาจากหนังจามรี คณะของเราไม่พลาดซื้อกันทุกคน
ใครจะไปเดินดูความสวยงามของเมืองเก่า ใครจะปักหลักนั่งดื่มเบียร์เหเหล็ก (ไฮเนเก้น) แกล้มกับปลาเล็กปลาน้อยเสียบไม้ทอดกรอบ โรยพริกป่นและเกลือเล็กน้อย อร่อยจนฝันถึง กินไปประมาณ 20 ไม้ เพราะราคาไม้ละ 2 หยวน
เที่ยวกินกันจนเพลินเห็นทีต้องอำลาหลี่เจียง โดยขึ้นเครื่องบินภายในประเทศของจีนกลับมาที่คุนหมิง และขึ้นเครื่องการบินไทยกลับถึงเมืองไทยอย่างสนุกสนาน
เที่ยวกินกันจนเพลินเห็นทีต้องอำลาหลี่เจียง โดยขึ้นเครื่องบินภายในประเทศของจีนกลับมาที่คุนหมิง และขึ้นเครื่องการบินไทยกลับถึงเมืองไทยอย่างสนุกสนาน
ขอขอบคุณสถาบันเพลิน และทีมงานนำโดย ดร.สันทัด คุณสิทธิชัย อาจารย์สง่า และคุณปราโมทย์ ที่หลอกลูกทัวร์ว่าขณะนี้เหลืออีก 2 ที่เท่านั้น ถ้าไม่รีบจองมีหวังอดไปเที่ยวกับคุณชายถนัดศรีนะ เท่านั้นแหละ พรรคพวกเพื่อนฝูงรีบจ่ายเงินเลย พอไต่ถามได้ความว่าทุกคนโดนหลอกว่าเหลือ 2 ที่นั่งกันทั้งนั้น เขาเรียกทัวร์นี้ว่า "ทัวร์ 2 ที่"
นอกจากจะดูแลพาไปเที่ยวอย่างดีแล้ว ขณะนั่งอยู่บนรถทีมงานยังเล่าเรื่องตลกขบขันชนิดหัวเราะกันฉี่แทบราด ช่วยยืดอายุให้ยืนยาวไปอีกหลายปี สวัสดี